มือแฉเฟซบุ๊กเปิดหน้าชน ฉะมุ่งแสวงกำไรมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม

มือแฉเฟซบุ๊กเปิดหน้าชน – วันที่ 4 ต.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานการเปิดเผยโฉมหน้าบุคคลผู้ที่ปล่อยข้อมูลเอกสารหลายหมื่นหน้าจากแผนกวิจัยภายในเฟซบุ๊กในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ผ่านรายการ 60 Minutes พร้อมโจมตีเฟซบุ๊ก ว่าเห็นแก่กำไรมากกว่าประโยชน์สังคม

นางสาว ฟรานเซส เฮาเกิน อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก อายุ 37 ปี เคยทำงานด้านปัญหาคุณธรรม (civic integrity) ในบริษัทเฟซบุ๊ก ระบุว่า เฟซบุ๊กทราบเต็มอกว่าแพลตฟอร์มกำลังถูกใช้เพื่อเผยแพร่ความเกลียดชัง ความรุนแรง และข่าวปลอม แต่กลับพยายามซุกซ่อนหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

น.ส.เฮาเกิน ระบุว่า สิ่งที่ตนพบระหว่างทำงานที่เฟซบุ๊กหลายครั้ง คือ ความขัดแย้งระหว่างประโยชน์ต่อสาธารณะกับประโยชน์ต่อเฟซบุ๊ก ซึ่งหลายครั้งหลายหน เฟซบุ๊กเลือกประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น รายได้ที่มากขึ้น

นายสก็อตต์ เพลลี่ ผู้ดำเนินรายการ 60 Minutes ระบุถึงเอกสารที่น.ส.เฮาเก็น ปล่อยออกมาตอนหนึ่งว่า “เรามีหลักฐานจากแหล่งข่าวหลายแห่ง ว่าการใช้วาจาเพื่อความเกลียดชัง ถ้อยคำทางการเมืองที่สร้างความแตกแยก และข่าวบิดเบือน บนเฟซบุ๊กส่งผลกระทบต่อสังคมทั่วโลก”

เมื่อเดือนก.ย. น.ส.เฮาเกิน ยื่นร้องเรียนอย่างน้อย 8 เรื่อง ต่อคณะกรรมาธิการความปลอดภัยและตาลดหุ้น โดยระบุว่า เฟซบุ๊กกำลังปกปิดหลักฐานที่เป็นผลการศึกษาซึ่งค้นพบช่องโหว่ต่างๆ ของแพลตฟอร์ม จากบรรดาผู้ถือหุ้น

มือแฉเฟซบุ๊กเปิดหน้าชน

สก็อตต์ เพลลี่ ผู้ดำเนินรายการ 60 Minutes (ซ้าย) และฟรานเซส เฮาเก็น (ขวา) – CNN

นอกจากนี้ น.ส.เฮาเกิน ยังนำข้อมูลจากเอกสารมอบให้กับ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล หนึ่งในสื่อทรงอิทธิพลของอเมริกา นำไปตีพิมพ์ จนกลายเป็นพาดหัวข่าวร้อนแรงในแวดวงไอที ว่าเฟซบุ๊กนั้นทราบดีถึงผลกระทบเชิงลบของข่าวสารบิดเบือน และอันตรายที่มีต่อผู้ใช้โดยเฉพาะต่อเด็กสาวในแอพพลิเคชั่นอย่างอินสตาแกรม

น.ส.เฮาเกิน เริ่มทำงานกับเฟซบุ๊กตั้งแต่ปี 2562 หลังเคยทำงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีอย่างกูเกิ้ล และพินเทอเรสต์ มีกำหนดจะให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ และความปลอดภัยข้อมูล ชุดย่อยของวุฒิสภา ในวันที่ 5 ต.ค.นี้

“ดิชั้นเคยเห็นข้อมูลจากแอพอื่นค่ะ แต่ความเลวร้ายไม่มีแอพไหนที่ดิชั้นเคยพบอยู่ในระดับเดียวกันกับเฟซบุ๊กเลย ช่วงปีนี้แหละค่ะ ดิชั้นรู้สึกว่าต้องขยับทำอะไรสักอย่าง เปิดเผยข้อมูลออกมาให้มากพอที่ทุกคนจะปฏิเสธไม่ได้ ว่าเรื่องนี้เป็นของจริง” เฮาเกิน ระบุ

ด้านปฏิกิริยาจากเฟซบุ๊กในช่วงที่ผ่านมานั้น ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่า เฟซบุ๊กนั้นสร้างประโยชน์มากกว่าผลเสีย และโจมตีข้อมูลที่รั่วไหลออกมาว่าชี้นำและบิดเบือน

แถลงการณ์ของ เลนา พิเอ็ดช์ โฆษก โฆษกหญิงเฟซบุ๊ก ระบุว่า ทีมงานของเฟซบุ๊กทำงานเพื่อทำงานทุกวันเพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกเพื่อทำให้แพลตฟอร์มนั้นปลอดภัยและมีบรรยากาศในเชิงบวก

นางพิเอ็ดช์ กล่าวตอบโต้ว่า เฟซบุ๊กปรับปรุงให้ระบบมีความรัดกุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา การกล่าวหาเฟซบุ๊กว่าเราส่งเสริมคอนเทนต์ในทางลบ และนิ่งเฉยนั้นไม่จริงโดยสิ้นเชิง

ภายหลังรายการ 60 Minutes จบเพียงไม่กี่ชั่วโมง นางพิเอ็ดช์ยังเผยแพร่แถลงการณ์ความยาว 700 คำ อธิบายสิ่งที่ขาดหายไปในรายการดังกล่าว พร้อมโจมตีรายการ 60 Minutes ว่าเจตนาเลือกเฉพาะข้อมูลเอกสารงานวิจัยของบริษัทที่ใช้พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์มาใช้บิดเบือน

นอกจากนี้ นายนิก เคล็กก์ รองประธานเฟซบุ๊กด้านกิจการระดับโลก ระบุก่อนรายการ 60 Minutes จะออกอากาศด้วยว่า โซเชียลมีเดียที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่ เหมือนกันกับวิถีชีวิตของมนุษย์

“เราทำงานงานวิจัยจำนวนมหาศาล แบ่งปันให้กับนักวิจัยภายนอกมากเท่าที่เราจะทำได้ แต่ต้องทราบไว้อย่าง คือ ความแตกต่างเรื่องเอกสารที่เราจะเปิดให้โลกรับทราบ กับเอกสารภายในที่เราใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหารือกันครับ” เคล็กก์ ระบุ

อย่างไรก็ตาม น.ส.เฮาเกิน ระบุว่า ตนเชื่อว่านายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ และผู้คิดค้นแพลตฟอร์มไม่ได้มีเจตนาจะสร้างโซเชียลมีเดียแห่งความเกลียดชังขึ้นมาแต่แรก

ทว่า ซักเคอร์เบิร์ก ปล่อยปละให้เกิดโอกาสการตัดสินใจที่นำไปสู่ตัวเลือกซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นคอนเทนต์ความเกลียดชัง และการแตกแยกแบ่งขั้ว ที่มีประสิทธิภาพในการแพร่กระจายและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน