แฉซ้ำเจ้าฟ้าซาอุฯ – วันที่ 28 ต.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า การเปิดเผยข้อมูลเขย่าชื่อเสียง เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย โดย นางฮิสซาห์ อัล-มูไซนี บุตรสาวของดร.ซาด อัลจาบรี อดีตหน่วยข่าวกรองที่ลี้ภัยไปอยู่แคนาดา และเพิ่งออกรายการ 60 นาที ทางจอโทรทัศน์สหรัฐ ว่าเจ้าชายส่งทีมสังหารมาเอาชีวิตตนเองด้วย
นางมูไซนี เปิดเผยในการสัมภาษณ์ คริสเตียน อมันพัวร์ นักข่าวหญิงคนดังของสถานีข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ ว่า เจ้าหน้าที่ราชการซาอุฯ พยายามล่อลวงตนไปสังหารที่สถานกงสุล นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี สถานที่เกิดเหตุฆ่าหั่นศพนายจามาล คาช็อกกี นักเขียนอิสระชาวซาอุฯ คอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ เมื่อปี 2561
“ดิฉันโชคดีที่ไม่ได้เดินทางที่สถานกงสุลดังกล่าวตามที่ทางการซาอุฯ พยายามแนะนำให้ไป มิฉะนั้น ลูกๆ ของดิฉันอาจต้องกำพร้าพ่อแม่แล้ว” อัล-มูไซนีกล่าว ขณะที่ อมันพัวร์กล่าวว่า เรื่องที่คุณพูดมานั้น มันน่าขนลุก
ครอบครัวอัล-มูไซนี เคนยื่นเรื่องดังกล่าวฟ้องร้องต่อศาลเมื่อต้นปี โดยกล่าวหาว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ส่งทีมสังหารตามมาที่แคนาดา ซึ่งดร.อัลจาบรี และนางมูไซนี อาศัยอยู่ในฐานะผู้ลี้ภัย โชคดีที่เจ้าหน้าที่แคนาดาเข้าสกัดและส่งตัวกลับได้สำเร็จที่ท่าอากาศยานนครออตตาวา รัฐออนแทริโอ
ที่ผ่านมา ดร.อัลจาบรี ผู้ซึ่งเคยถวายงานใกล้ชิดเบื้องยุคลบาทอดีตมกุฏราชกุมารก่อนที่จะถูกจับกุมและปลดจากตำแหน่งเมื่อปี 2560 ยืนยันถึงเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวหาว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ทรงคุมขังบุตรชายและบุตรสาวของตนอย่างผิดกฎหมาย ได้แก่ ซาราห์ และโอมาร์
ด้านทางองค์การฮิวแมน ไรต์ ว็อตช์ ระบุว่า ศาลในซาอุฯ พิพากษาจำคุก ซาราห์ และโอมาร์ ข้อหาฟอกเงินและพยายามหลบหนีคดี แต่กระบวนการไต่สวนดำเนินไปอย่างไม่ยุติธรรม และมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันให้ดร.อัลจาบรี เดินทางกลับไปยังซาอุฯ
นางมูไซนี เปิดเผยว่า สามีของตนนั้นถูกลักพาตัวเช่นกัน โดยครอบครัวของตนนั้นเผชิญกับฝันร้ายมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
“ลองนึกภาพดูนะคะว่าตัวคุณ พ่อคุณ ตกเป็นเป้าของทีมสังหาร ลูกๆ ก็กำลังอยู่ในคุกจากความผิดที่พวกเค้าไม่ได้ทำ ถูกอุ้ม ถูกทรมาน”
นายซาเล็ม อัล-มูไซนี สามีของนางมูไซนี ถูกจับกุมในซาอุฯ เมื่อปี 2563 ซึ่งนางมูไซนี เล่าว่า สามียังเคยถูกทรมานเพื่อบังคับให้ลงนามสละทรัพย์สินทั้งหมดแลกกับอิสรภาพที่โรงแรมริตซ์-คาร์ลตัน เมื่อปี 2560 ในแคมเปญการกวาดล้างคอร์รัปชั่นของมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ดองค์ปัจจุบัน ส่งผลให้มีราชนิกูล เจ้าหน้าที่ และนักธุรกิจกว่า 200 คน ถูกจับกุม
นางมูไซนีกล่าวถึงสาเหตุของความพยายามของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดที่มีต่อครอบครัวของตนว่าทรงกลัวสิ่งที่พ่อของตนทราบ เพราะข้อมูลเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดอุปสรรคต่อการสืบราชบัลลังก์ของพระองค์
“พวกเรามีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว ไม่เคยรู้สึกปลอดภัย ไปไหนมาไหนต้องคอยเหลียวหลังอยู่ตลอดเวลา ดิฉันไม่รู้ว่าจะให้รู้สึกปลอดภัยได้ยังไงในเมื่อมีคนแบบนี้คอยไล่ล่าสมาชิกครอบครัวเรา แล้วก็ส่งทีมมาเที่ยวฆ่าแกงคนตามสถานทูตและสถานกงสุล” นางมูไซนี กล่าวตัดพ้อ
ด้านความพยายามติดต่อทางการซาอุฯ ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวยังไร้ผล เนื่องจากยังไม่มีบุคคลใดพร้อมให้ข้อมูล
อย่างไรก็ดี ทางการซาอุฯ เคยมีแถลงการณ์ล่าสุดถึงสถานีข่าว CBS หลังการออกอากาศของรายการ 60 Minutes ว่าดร.อัลจาบรี เป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐที่ฉ้อฉล และมักสร้างเรื่องราวอันเป็นเท็จเพื่อใช้เบี่ยงเบนอาชญากรรมของตัวเองที่ได้กระทำไว้อย่างการทุจริตเงินท้องพระคลังหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปใช้เสพสุขส่วนตนและครอบครัว
คดีดังกล่าวซึ่งอยู่ในศาลประเทศแคนาดามีความคืบหน้าเมื่อต้นปี โดยดร.อัลจาบรี ถูกบริษัทเอกชนหลายแห่งในซาอุฯ รุมฟ้องเรื่องทุจริตดังกล่าว และผู้พิพากษามองว่ามีมูลความจริงจึงสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของดร.อัลจาบรีไว้ระหว่างกระบวนการไต่สวน
อย่างไรก็ตาม ดร.อัลจาบรี ปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิงและจะเดินหน้าต่อสู้คดี เช่นเดียวกันกับนางมูไซนี ที่ยืนยันว่าคดียังไม่จบสิ้น แต่ตนทราบแน่ชัดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างการลักพาตัว ทรมาน กักขังหน่วงเหนี่ยว ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลพึงควรกระทำ
นอกจากนี้ นางมูไซนี ซึ่งเดินทางมาให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นที่กรุงวอชิงตัน ยังกล่าวขอความช่วยเหลือในรายการผ่านไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ให้เข้าช่วยเหลือแทรกแซงเพื่อให้พวกตนและครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวิตพร้อมหน้ากันได้อีกครั้ง
“ดิฉันจะรู้สึกปลอดภัยได้ก็ต่อเมื่อคนอย่างเจ้าชายโมฮัมหมัดถูกสกัดกั้นไม่ให้ทำสิ่งที่เค้ากำลังทำได้อีกค่ะ” นางมูไซนี กล่าวทิ้งท้าย
++++
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
แฉยับเจ้าฟ้าซาอุฯ อดีตข่าวกรองลี้ภัยเปิดเบื้องลึกคดีสังหารอำมหิต