ชาติพันธมิตรผนึกใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรง ด้านรัสเซียใช้มาตรการคว่ำบาตรตอบโต้ ลั่นครั้งนี้ถึงคราวแตกหัก!

ด้านความเคลื่อนไหวจากบรรดาชาติพันธมิตร ล่าสุด ทางการสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ และสหภาพยุโรป หรืออียู ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงอีกครั้ง โดยพุ่งเป้าไปที่การอายัดทรัพย์สินของประธานาธิบดีปูติน และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย โดยทางการอียูนั้นระบุว่า เป็นมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดเท่าที่อียูเคยใช้มา

นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ยังขึ้นบัญชีทั้งสองบุคคลเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้เข้าประเทศ ส่งผลให้ทางการรัสเซียประกาศมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้ต่อชาติตะวันตก เช่น การห้ามสายการบินของอังกฤษเดินทางเข้ามาในรัสเซีย และนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า บัดนี้ความขัดแย้งมาถึงเส้นแบ่งที่ไม่มีวันย้อนกลับได้อีกแล้ว

มาตรการคว่ำบาตรยังลุกลามไปถึงด้านไซเบอร์ เช่น แอพพลิเคชั่นชื่อดังอย่างเฟซบุ๊ก ประกาศสกัดกั้นโฆษณาใดๆ ที่มาจากทางการรัสเซียบนแพล็ตฟอร์มไม่ให้สามารถสร้างรายได้ได้ และวันเดียวกัน มีรายงานว่า เอ็นวิเดีย เอกชนผู้พัฒนาชิพประมวลผลกราฟฟิกในสหรัฐฯ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับสงครามยูเครนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทางการอียูไม่ได้สนองข้อเรียกร้องของทางการยูเครนให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงสูงสุด ที่เทียบได้กับการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน คือ การตัดขาดรัสเซียออกจากระบบการเงินระหว่างประเทศ หรือสวิฟต์ เนื่องจากทางการเยอรมัน ฮังการี และอิตาลี หวั่นเกรงว่า รัสเซียอาจตอบโต้ด้วยการตัดการส่งก๊าซธรรมชาติให้ยุโรปที่กำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานราคาเพิ่มสูง

ขณะเดียวกันคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่มีหน้าที่โดยตรงในการหยุดยั้งสงครามนั้นประสบกับภาวะชะงักงัน หลังชาติสมาชิกยูเอ็นเอสซีส่วนใหญ่ 11 ชาติ ลงมติสนับสนุนแถลงการณ์ประณามการรุกรานของรัสเซีย แต่ถูกทางการรัสเซียใช้อำนาจวีโต้ โดยมีเพียง 3 ชาติ ที่งดออกเสียง ได้แก่ จีน อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี

สภาวะชะงักงันดังกล่าวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีปูติน กล่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจอีกครั้ง โดยเรียกร้องให้กองทัพยูเครนโค่นล้มรัฐบาลของตัวเอง ซึ่งผู้นำรัสเซียระบุว่าเป็นพวกแก๊งอันธพาลติดยาเสพติดที่นิยมลัทธินาซีใหม่ อย่างไรก็ดี โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า ประธานาธิบดีปูตินมีความพร้อมที่จะส่งคณะทำงานไปเจรจากับคณะผู้แทนของยูเครนเพื่อหาทางออกอย่างสันติด้วยหนทางการทูตที่กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส ส่งผลให้ทางการสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธข้อเสนอของรัสเซียอย่างทันควัน

นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางการรัสเซียที่กำลังใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนแต่กลับมาเสนอเจรจากันในตอนนี้ การเจรจากันภายใต้ปากกระบอกปืนไม่ถือว่าเป็นการหาทางออกอย่างสันติด้วยหนทางการทูต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน