ปูตินแนะชาติตะวันตก! ช่วยหยุดสงครามได้ แค่ “เลิกส่งอาวุธ” หนุนยูเครน
ปูตินแนะชาติตะวันตก – วันที่ 4 พ.ค. บีบีซี และเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครนที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่สามว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่าชาติตะวันตกสามารถมีส่วนร่วมในการยุติสงครามครั้งนี้ได้ด้วยการเพิ่มแรงกดดัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และหยุดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครน
รายงานระบุว่านายปูตินต่อสายตรงหารือกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน และหลังจากนายมาครงคว้าชัยชนะในศึกเลือตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยนายมาครงกล่าวเรียกร้องให้รัสเซียหยุดโจมตีเพื่อเริ่มการเจรจายุติสงครามอย่างสันติ
พร้อมร้องขอให้ขยายการเปิดระเบียงมนุษยธรรมในเมืองมารีอูโปล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน สำหรับอพยพพลเรือนที่ยังตกค้างในพื้นที่สมรภูมิ คาดว่ายังมีอีกหลายร้อยคนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของโรงงานผลิตเหล็กกล้าที่กองกำลังยูเครนตรึงกำลังสู้รบกับกองทัพรัสเซียก่อนหน้านี้
ด้านนายปูตินกล่าวว่าชาติตะวันตกจำเป็นต้องหยุดส่งอาวุธให้ยูเครนซึ่งผู้นำรัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนก่ออาชญากรรมสงครามด้วยการโจมตีพื้นที่ยึดครองของกองกำลังฝักใฝ่รัสเซียทางตะวันออกของประเทศ ทั้งยังยืนกรานว่ารัสเซียเปิดโอกาสการเจรจากับยูเครนมาโดยตลอด แต่เพราะชาติตะวันตกส่งอาวุธให้ยูเครน สงครามเลยยืดเยื้อ
ทั้งนี้ ชาติตะวันตกประกาศส่งอาวุธให้แก่ยูเครนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น ภายหลังรัสเซียยังเดินหน้ารุกรานอธิปไตยของยูเครน รวมถึงการทำทารุณ ข่มขืน และสังหารหมู่ชาวยูเครนในหลายเมือง
ล่าสุดรัฐบาลอังกฤษแถลงเมื่อต้นสัปดาห์ว่าจะส่งอาวุธมูลค่ากว่า 300 ล้านปอนด์ หรือราว 12,800 ล้านบาท รวมถึงอุปกรณ์การสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเรดาร์ อุปกรณ์ตัดสัญญาณจีพีเอส และอุปกรณ์สำหรับรบในเวลากลางคืน
วันเดียวกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ตรัสว่าพระองค์แสดงความประสงค์จะหารือกับประธานาธิบดีปูตินถึงกรณีความไม่สงบในยูเครน โป๊ปฟรานซิสทรงส่งข้อความถึงนายปูตินในช่วง 20 วันหลังรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางการทหารในยูเครน และทรงยินดีจะเดินทางไปกรุงมอสโกของรัสเซียเพื่อพูดคุยกับนายปูติน
“เราไม่ได้รับการตอบสนอง แต่เรายังยืนกรานที่จะทำตามนั้น แม้ข้าพเจ้าจะเกรงว่านายปูตินไม่สามารถหรือไม่ต้องการพบปะในช่วงนี้ แต่เป็นไปได้อย่างไรที่เราจะไม่หยุดความโหดร้ายเช่นนี้ 25 ปีที่แล้วเราใช้ชีวิตผ่านเหตุการณ์แบบเดียวกันกับที่เกิดในรวันดา”
โป๊ปฟรานซิสตรัสถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดาซึ่งมีผู้คนถูกสังหารราว 800,000 ราย และเป็นหนึ่งในเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดในศตวรรษที่ 20
“ข้าพเจ้าจะไม่ไปกรุงเคียฟในตอนนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่ายังไม่ควรไป แต่ต้องไปกรุงมอสโกเป็นที่แรก ข้าพเจ้าต้องหารือกับปูตินก่อน” โป๊ปฟรานซิสย้ำ พร้อมประณามเหตุการณ์ในยูเครนว่าเป็นสงครามที่เลวร้ายและไร้ซึ่งเหตุผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: