สหภาพยุโรป เล็งบังคับกฎหมาย ผู้ผลิตมือถือต้องใช้หัวชาร์จแบบเดียวกัน

วันที่ 7 มิ.ย. เอพี รายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) ลงนามข้อตกลงชั่วคราวที่จะต้องใช้สายชาร์จแบบเดียวกันใน 27 ประเทศสมาชิก เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามขึ้นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในอียูยั่งยืนและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์

สหภาพยุโรป

Pixabay

กฎใหม่ดังกล่าว คาดว่ารัฐสภายุโรปและคณะมนตรียุโรปจะให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อข้อตกลงดังกล่าวหลังฤดูร้อนปีนี้ (ปลายเดือนก.ย.) และจะมีผลบังคับใช้ในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2567 (เดือนก.ย.-ธ.ค.)

ผู้บริโภคในอียูจะใช้แค่สายชาร์จแบบยูเอสบี-ซี (USB Type-C) สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่และชาร์จไฟได้ที่มีขนาดเล็กและขนาดกลาง ครอบคลุมโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อีรีดเดอร์ หูฟังแบบสอด กล้องดิจิตอล หูฟังแบบครอบ หูฟังแบบครอบและมีไมโครโฟน เครื่องเล่นเกมพกพา แป้นพิมพ์ เมาส์ ลำโพงเคลื่อนที่ และอุปกรณ์นำร่อง ส่วนคอมพิวเตอร์วางตัก (แล็ปท็อป) ผู้ผลิตจะยังมีเวลาเพิ่มเติมในการปฏิบัติตามกฎใหม่ดังกล่าว

สหภาพยุโรป

Pixabay

อเล็กซ์ อากีอุส ซาลีบา ผู้นำการเจรจาแห่งรัฐสภายุโรป กล่าวในกรุงบรัสเซลส์ว่า ผู้บริโภคชาวยุโรปรู้สึกหงุดหงิดกับสารชาร์จหลายแบบที่กองกันภายในบ้าน ตอนนี้จะสามารถพกสายชาร์จแบบเดียวสำหรับทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่แล้ว ซึ่งเป็นก้าวสำคัญเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายต่อผู้บริโภค

กฎใหม่ดังกล่าวจะใช้กับอุปกรณ์ที่จำหน่ายในตลาดร่วมยุโรปเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย 30 ประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตาม อาจกลายเป็นมาตรฐานโดยพฤตินัยสำหรับประเทศที่เหลือทั่วโลก เช่นเดียวกับกฎระเบียบว่าด้วยความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดของอียู








Advertisement

สหภาพยุโรป

แม้ว่าบรรดาผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์จะเริ่มนำหัวชาร์จแบบยูเอสบี-ซีมาใช้อุปกรณ์ตัวเองแล้ว แต่แอปเปิ้ลยังเป็นเจ้าหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านี้ แอปเปิ้ลเคยแสดงความกังวลว่ากฎดังกล่าวจะจำกัดนวัตกรรมและทำร้ายผู้บริโภค แม้ว่าไอโฟนรุ่นใหม่มาพร้อมกับหัวชาร์จแบบไลท์นิง (Lightning) ที่เสียบเข้ากับช่องเสียบช่องยูเอสบี-ซีก็ตาม

สหภาพยุโรป

A picture taken on February 6, 2020 in Brussels shows plugs for mobile charger next to a European flag. (AFP)

กฎใหม่ดังกล่าวของอียูยังร่างมาตรฐานสำหรับเทคโนโลยีการชาร์จอย่างรวดเร็วและให้สิทธิ์ผู้บริโภคในการเลือกซื้ออุปกรณ์ใหม่ที่มีหรือไม่มีสายชาร์จ ซึ่งอียูประเมินว่าจะช่วยผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่าย 250 ล้านยูโร (9,233 ล้านบาท) ต่อปี และลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ในยุโรป 11,000 ตันในยุโรปทุกปี

นอกจากนี้ อียูจะมีข้อกำหนดในการจัดทำมาตรฐานเพิ่มเติมสำหรับการชาร์จแบบไร้สายซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งต่อไปสำหรับเทคโนโลยีการชาร์จด้วย

 

ทั้งนี้ อียูใช้เวลามากกว่า 10 ปี พยายามเกลี้ยกล่อมให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ใช้มาตรฐานการชาร์จทั่วไป ซึ่งเป็นความพยายามที่จะลดปลั๊กชาร์จต่างๆ เหลือเพียงหยิบมือ จนคณะกรรมาธิการจะบังคับปัญหาร่างกฎหมายเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
มือถือ‘โพโค่ เอ็กซ์ 4 โปร’ แบตอึด จอดีสุด ราคาคุ้มค่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน