จีนพิจารณาคดีแบบลับ นักวิชาการ “บ่อนทำลายอำนาจรัฐ” บอกผู้นำ “ไม่ฉลาดพอ”
วันที่ 23 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายสวี จื้อหย่ง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง นักวิชาการ กฎหมายผู้โด่งดังในประเทศจีน ถูกพิจารณาคดีแบบลับ ในข้อหาบ่อนทำลายอำนาจรัฐ (subverting state power) ก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นผู้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกเนื่องจากผู้นำ “ไม่ฉลาดพอ”
นายสวีไม่ยอมรับความผิดต่อหน้าศาลท้องถิ่นในเทศมณฑลหลินซู่ มณฑลซานตง ทางตะวันออก ในการพิจารณาคดี 1 วันเต็มแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยข้ออ้างเกี่ยวข้องกับความลับของรัฐ เมื่อวันพุธที่ 22 มิ.ย.
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับคดีโดยตรงเปิดเผยว่า ศาลกล่าวเมื่อสิ้นสุดการพิจารณาคดีว่า การพิพากษาวางโทษจะประกาศในภายหลัง ขณะที่ผู้สนับสนุนนายสวีและกลุ่มสิทธิมนุษชนเรียกการพิจารณาคดีดังกล่าว ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง ส่วนข้อหากล่าวหาต่างๆ เป็นการยกเมฆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์เพิ่มการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองเป็นเท่าตัวก่อนการประชุมครั้งสำคัญในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งเป็นที่คาดว่าประธานาธิบดีสีจะกระชับอำนาจมากขึ้นด้วยการดำรงตำแหน่งต่อเป็นวาระที่สามที่แทบไม่เคยมีมาก่อน
นายเถิง เปียว นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนชาวจีนผู้โด่งดังซึ่งตอนนี้อยู่ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า คดีการเมืองดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหรือหลักฐาน กระบวนการพิจารณาคดีทั้งหมดถูกครอบงำจากกองกำลังทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังศาล นี่คือการพิจารณาคดีและการประหัตประหารทางการเมือง
นายเถิงกล่าวว่า นายสวีมีแนวโน้มที่จะได้รับโทษหนัก เนื่องจากถูกจำคุกเป็นครั้งที่สองแล้ว หลังเมื่อปี 2557 นายสวีถูกตัดสินโทษจำคุก 4 ปี ในข้อหาระดมมวลชนเพื่อทำลายความสงบเรียบร้อย
“สำหรับนักโทษทางการเมือง ระยะเวลาการจำคุกครั้งที่สองปกติจะยาวนานกว่าครั้งแรก” นายเถิงกล่าว
…………..
นายสวี อายุ 49 ปี ถูกควบคุมตัวเมื่อเดือนก.พ. 2563 ในนครกว่างโจว หลังหลบหนีเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน นายสวีเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิที่ถูกเจ้าหน้าที่ล้อมจับหลังรวมกลุ่มกันส่วนตัวในเมืองเซี่ยเหมิน ทางใต้ของประเทศ เมื่อเดือนธ.ค. 2562
ระหว่างการหลบหนี นายสวีออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีสี เรียกร้องให้เขาลาออก ซึ่งเป็นการขออย่างตรงไปตรงมาที่น่าทึ่งและถูกเซ็นเซอร์อย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ของจีน ทั้งที่การเรียกร้องดังกล่าวต่อสาธารณะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งในจีน ประเทศที่ผู้เห็นต่างทางการเมืองถูกปราบปรามอย่างเข้มงวดและถูกลงโทษอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ร่มเงาประธานาธิบดีสี
ในจดหมายดังกล่าว นายสวีโจมตีนโยบายของประธานาธิบดีสีอย่างดุเดือด ตั้งแต่การควบคุมเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เข้มงวด ถึงการปราบปรามเสรีภาพในฮ่องกง และการจัดการการระบาดของโควิดในนครอู่ฮั่น
“ผมไม่คิดว่าคุณเป็นคนชั่ว คุณแค่ไม่ฉลาดพอ ดังนั้น ผมขอเตือนคุณอีกครั้ง ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความรู้สึกที่แพร่หลายเช่นกันว่า นายสี จิ้นผิง โปรดก้าวลงจากตำแหน่ง” นายสวีเขียนในจดหมาย
ด้านนายเถิง นักเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสหรัฐ อธิบายว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีส่วนให้นายสวีถูกตั้งข้อหาบ่อนทำลายอำนาจรัฐ ความผิดทางการเมืองร้ายแรงที่สุดซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต
“ตั้งแต่เข้ามามีอำนาจ ประธานาธิบดีสีเสริมความแข็งแกร่งของเผด็จการ และส่งเสริมลัทธิการบูชาบุคคลรอบตัว และเป็นความกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อว่านายสวีจะเขียนจดหมายเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสีลาออกในจีน แต่ทางการจะไม่นิ่งเฉยกับจดหมายดังกล่าวแน่นอน” นายเถิงกล่าว
นายสวี อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งอันทรงเกียรติ มีชื่อเสียงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2546 หลังหยิบยกคดีของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ถูกซ้อมถึงแก่ความตายขณะถูกควบคุมตัวในนครกวางโจว นายสวีร่วมกับนักวิชาการด้านกฎหมายหลายคนรณรงค์ประเด็นดังกล่าว ซึ่งผลักดันให้รัฐบาลจีนล้มเลิกระบบฉาวโฉ่ที่ตำรวจในเมืองใหญ่ๆ นำมาใช้ควบคุม ปรับ และขับไล่ผู้อพยพในชนบทโดยพลการ
ต่อมา เมื่อปี 2553 นายสวีร่วมก่อตั้งขบวนการพลเมืองใหม่กับนักเคลื่อนไหวที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน รวมถึงนายเถิง เพื่อสนับสนุนสิทธิพลเมืองและการปฏิรูปการเมือง ทั้งที่บรรดาเพื่อนนักเคลื่อนไหว นักวิชาการด้านกฎหมาย ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และนักข่าว ถูกจับกุมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการปราบปรามผู้เห็นต่างของประธานาธิบดีสี
นายสวีเขียนในจดหมายปิดผนึกถึงประธานาธิบดีสีในปี 2563 ว่า “จีนไม่ใช่ดินแดนแห่งสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง การแสดงความยินดีกับตนเอง และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วที่คุณจินตนาการในความฝันของคุณ ผมกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับอนาคตของชาติเรา ผมกลัวว่าระบบที่กระชับแน่นหนาจะเปราะบางอันตราย และผมกังวลไม่มีรูปแบบภาคประชาสังคมที่มีความหมายหรือเป็นรูปธรรมที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวได้”
ด้านนายเถิง ซึ่งรู้จักนายสวีมากว่า 20 ปี กล่าวว่า นายสวีเป็น “บุคคลสำคัญ” ในขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองของจีน การเคลื่อนไหวและภาคประชาสังคมในวงกว้างกำลังอยู่ในความหนาวเหน็บ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ไม่แสดงสัญญาณของการพัฒนา การปราบปรามสิทธิมนุษยชนของพรรคคอมมิวนิสต์จะดำเนินต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า
นอกจากนายสวีแล้ว นายติง เจียซี ทนายความสิทธิมนุษยชนและผู้ร่วมก่อตั้งขบวนการพลเมืองใหม่ จะถูกพิจารณาคดีที่ศาลเดียวกันในเทศมณฑลหลินซู่ มณฑลซานตง ในข้อหาบ่อนทำลายอำนาจรัฐ ในวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. ตามโพสต์บน ทวิตเตอร์ ของภรรยานายติง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทำไมเซเลบจีนหายหน้า ทั้งดารา เศรษฐี นักกีฬา ถูกอำนาจเล่นงาน
จีนจัดหนัก จำคุกเฮียสำนักพิมพ์ 10 ปี โดนอุ้มแล้วอุ้มอีก ลูกสาวชี้ปมปิดปาก