สิงคโปร์ ประหารชีวิตนักโทษคนที่ห้า ในรอบ 5 เดือน
วันที่ 22 ก.ค. เอเอฟพี รายงานว่า ทางการสิงคโปร์ดำเนินการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอนายนาเซรี บิน ลาจิม อายุ 64 ปี นักโทษในคดีลักลอบค้ายาเสพติด ในเรือนจำชางงีตามกำหนดการเมื่อช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น หลังศาลสูงสุดยกคำร้องอุทธรณ์นาทีสุดท้ายของนายลาจิมเพื่อขอพบทนายความ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ค. นับเป็นการประหารชีวิตนักโทษรายที่ห้าติดต่อกันของสิงคโปร์ตั้งแต่เดือนมี.ค.
ผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ภาพถ่ายสุดท้ายของนายนาเซรี บิน ลาจิม ก่อนได้รับโทษประหารชีวิต
ทั้งนี้ นายลาจิมถูกจับกุมเมื่อปี 2555 หลังถูกพบเฮโรอีน 33.39 กรัม เกินกว่า 15 กรัมที่สิงคโปร์ถือเป็นผู้ลักลอบค้าและต้องได้รับโทษประหารชีวิต สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสิงคโปร์ระบุว่า ปริมาณเฮโรอีนดังกล่าวเพียงพอที่จะให้ผู้ติดยา 400 คนใช้เสพเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ขณะที่แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลระบุในแถลงการณ์เรียกร้องให้สิงคโปร์ต้องยุติการแขวนคอทันที แต่สิงคโปร์โต้แย้งว่าโทษประหารชีวิตเป็นสิ่งจำเป็นในการยับยั้งอาชญากรรมและการลักลอบค้ายาเสพติด
เชียรา ซันกอร์กีโอ ผู้เชี่ยวชาญโทษประหารชีวิตของแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การประหารชีวิตเป็นเพียงการเพิกเฉยต่อทางการสิงคโปร์ที่มีต่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิในการมีชีวิต แทนที่จะมีผลยับยั้งการก่ออาชญากรรมเฉพาะตัว
ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์เผชิญเสียงวิจารณ์ทั่วโลกหลังดำเนินการประหารชีวิตนายนากาเอนธรัน ธรรมลิงกัม พลเมืองมาเลเซีย อายุ 34 ปี ผู้ลักลอบค้ายาเสพติด เป็นผู้พิการทางสติปัญญา เมื่อเดือนเม.ย. แม้ว่าครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และรัฐบาลมาเลเซีย จะร้องขอความเมตตาจากสิงคโปร์
ในเวลานั้น รัฐมนตรีกิจการภายในและกฎหมาย นายเค. ชานมูกัม ให้สัมภาษณ์บีบีซี ปกป้องจุดยืนการประหารชีวิตนายธรรมลิงกัม โดยกล่าวว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นมาตรกการยับยั้งรุนแรงต่อผู้ลักลอบค้ายาเสพติด
อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติระบุว่า โทษประหารชีวิตทั่วโลกพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้สามารถยับยั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งอนุญาตดำเนินโทษประหารชีวิตกับผู้ก่อคดีอาญาร้ายแรงที่สุดเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สิงคโปร์ ประหารชีวิต ชายมาเลย์พิการทางสมอง ลักลอบขนเฮโรอีน