ผู้อำนวยการ WHO แนะ ชายรักชาย ลดคู่นอน ลดเสี่ยงสัมผัสเชื้อ ฝีดาษลิง

วันที่ 28 ก.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุถึงการระบาดของโรค ฝีดาษลิง ที่เพิ่มขึ้นว่า ผู้ติดเชื้อใหญ่อยู่ในกลุ่มชายผู้มีเพศสัมพันธ์กับชาย โดย นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO แนะนำให้กลุ่มชายรักชายลดจำนวนคู่นอนและพิจารณาการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหน้าใหม่ เพื่อจำกัดการสัมผัสเชื้อ

ฝีดาษลิง

FILE PHOTO: World Health Organization (WHO) Director-General Tedros Adhanom Ghebreyesus attends a news conference in Geneva Switzerland July 3, 2020. Fabrice Coffrini/Pool via REUTERS/File Photo

“นี่คือการระบาดที่สามารถหยุดได้ หากประเทศ ชุมชน และบุคคล แจ้งข้อมูลกันเอง รับความเสี่ยงอย่างจริงจัง และดำเนินการตามขั้นตอนจำเป็น เพื่อหยุดการแพร่เชื้อและปกป้องกลุ่มเสี่ยง วิธีการดีที่สุดคือการลดความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อ หมายถึงการเลือกสิ่งที่ปลอดภัยต่อตัวเองและผู้อื่น

“สำหรับชายผู้มีเพศสัมพันธ์กับชาย ตอนนี้วิธีการคือลดจำนวนคู่นอน การพิจารณาการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหน้าใหม่ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกับคู่นอนหน้าใหม่เพื่อสามารถติดตามผลได้ หากจำเป็น” นายเทดรอสกล่าวในบรรยายสรุปเมื่อวันพุธที่ 27 ก.ค.

แม้ว่าผู้อำนวยการ WHO ระบุว่าเป้าหมายของทุกประเทศต้องมีส่วนร่วมและส่งเสริมกลุ่มชายผู้มีเพศสัมพันธ์กับชาย เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ แต่เตือนให้ประเทศต่างๆ ปกป้องสิทธิมนุษยชนด้วย “การตีตราและการเลือกปฏิบัติอาจอันตรายได้พอกับไวรัสเช่นกัน” นายเทดรอสกล่วา

 

ดร.เดเมเตร ดัสกาลากิส เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (ซีดีซี) ที่ทำงานด้านการรับมือโรคฝีดาษลิง เคยให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเดือนนี้ว่า ฝีดาษลิงไม่ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้ แจ้งว่ามีกิจกรรมทางเพศระดับหนึ่ง รวมถึงการสอดใส่และการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก

ไวรัสแพร่กระจายโดยหลักผ่านการสัมผัสทางร่างกาย แต่สามารถติดต่อได้โดยสัมผัสสิ่งของต่างๆ เช่น ผ้าปูที่นอนหรือผ้าขนหนู ที่อาจเคยมีผู้เป็นโรคฝีดาษลิงใช้ รวมถึงปฏิสัมพันธ์แบบเห็นหน้ากันอย่างใกล้ชิด เช่น การจูบ

ซีดีซี ระบุว่า นักวิจัยกำลังตรวจสอบว่าไวรัสฝีดาษลิงสามารถแพร่ได้จากผู้ไม่มีอาการ หรือผ่านน้ำอสุจิ สารคัดหลั่งในช่องคลอด และอุจจาระหรือไม่ และว่า การสวมถุงยางอนามัยอาจช่วยได้ แต่ลำพังถุงยางอนามัยอย่างเดียวอาจไม่ป้องกันการแพร่ของโรคฝีดาษลิง อย่างไรก็ตาม ซีดีซียังย้ำว่า ถุงยางอนามัยสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้

ฝีดาษลิง

Tedros Adhanom Ghebreyesus on March 11, 2020 in Geneva. FABRICE COFFRINI/AFP via Getty Images

แม้ว่าความเห็นของนายเทดรอสเกี่ยวกับการลดคู่นอนเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุด ทว่าการสื่อสารช่องทางอื่นของ WHO กลับไม่ได้มีลักษณะชัดเจนนัก เช่น แผ่นพับของ WHO ฉบับแรก ที่ตีพิมพ์ข้อความว่า “การลดจำนวนคู่นอนของคุณอาจช่วยลดความเสี่ยงของคุณได้”

แผ่นพับฉบับที่สอง ระบุข้อความถาม-ตอบว่า “ฉันจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร” อีกคนตอบว่า “ในการติดโรคฝีดาษลิง คุณต้องสัมผัสผิวผิวหนัง รวมถึงระหว่างการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อหรือสิ่งของปนเปื้อนของผู้ติดเชื้อ จงมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ทำความสะอาดมือ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฝีดาษ”

ส่วน แผ่นพับฉบับที่สาม ระบุคำแนะนำ “อย่าลืมว่าการสัมผัสทางกายอย่างใกล้ชิด รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อ การมีเพศสัมพันธ์หลายครั้งและบ่อยครั้ง รวมถึงกับคู่นอนไม่เผยตัวตน อาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น จงมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง”

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐแนะนำการลดคู่นอนเช่นกัน แต่ใช้ภาษานุ่มนวลกว่านี้

ดร.โรเชลล์ วาเลนสี ผู้อำนวยการซีดีซี เคยกล่าวเมื่อกลางเดือนก.ค. “หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางผิวหนัง รวมถึงการสัมผัสใกล้ชิดผู้มีผื่นเหมือนโรคฝีดาษลิง ลดกิจกรรมอันตรายอื่นๆ รวมถึงการลดกิจกรรมทางเพศกับคู่นอนหลายคนหรือไม่ทราบตัวตน”

ส่วนดร.ดัสกาลากิส กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “เพื่อสอดคล้องกับคำแนะนำในการลดอันตรายของเรา การลดจำนวนคู่นอน การพยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อผู้ไม่ระบุตัวตน จะกลายเป็นวิธีการที่ฉลาดในแง่ของการลดความเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อ”

ซีดีซียังระบุว่า คนอาจต้องการลดการสัมผัสทางผิวหนังมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยมีสวมเสื้อผ้าขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เป็นโรคฝีดาษลิงหรือผู้อาจสัมผัสเชื้อ และควรพูดคุยถึงไวรัสนี้ล่วงหน้า อีกอย่างที่คนสามารถป้องกันตัวเองได้คือหลีกเลี่ยงการสัมผัสแบบเห็นหน้ากันอย่างใกล้ชิด เช่น การจูบกับผู้ติดเชื้ออย่างชัดเจน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อนามัยโลก เตือนเวลาเหลือน้อย จี้เร่งหยุดยั้ง โรคฝีดาษลิง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน