ผู้นำยูเครน เรียกร้องชาติตะวันตก ห้ามคนรัสเซียเข้าประเทศ

วันที่ 9 ส.ค. บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เรียกร้องให้บรรดาประเทศตะวันตกห้ามชาวรัสเซียเข้าประเทศ โดยบอกกับ วอชิงตันโพสต์ สื่อสหรัฐอเมริกาว่า “ชาวรัสเซียควรอยู่ในโลกของตัวเองจนกว่าจะเปลี่ยนปรัชญาของพวกเขา”

ผู้นำยูเครน

นายเซเลนสกีกล่าวว่า การห้ามดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการคว่ำบาตรปัจจุบัน ซึ่งห้ามสายการบินรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซีย เข้ามาตะวันตก

ขณะที่ชาวรัสเซียปัจจุบันยังสามารถได้รับวีซ่าสหภาพยุโรปและสหรัฐได้

ข้อเรียกร้องของนายเซเลนสกีอาจได้รับการสนับสนุนอย่างจำกัด เนื่องจากรัสเซีย แม้จะถูกคว่ำบาตร แต่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจทั่วโลกกว้างขวาง และนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียยังยินดีที่จะไปจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดพักผ่อน เช่น อียิปต์ ตุรกี และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

แต่เมื่อวันอังคารที่ 9 ส.ค. นายกรัฐมนตรีกายา กัลลัส ของ เอสโตเนีย ทวีตข้อความว่า “หยุดออกวีซ่านักท่องเที่ยวแก่ชาวรัสเซีย การเยือนยุโรปถือเป็นสิทธิพิเศษ ไม่ใช่สิทธิมนุษยชน”

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว นายเอ็ดการ์ส รินเกวิคส์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ลัตเวีย บอกเว็บไซต์ โพลิติโค ว่า กลุ่มประเทศอียูควรจำกัดการออกวีซ่าแก่ชาวรัสเซีย โดยยกเว้นเพื่อเหตุผลทางมนุษยธรรม

และเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ส.ค. ฟินแลนด์ เพื่อนบ้านกลุ่มประเทศนอร์ดิก ยังสนับสนุนการจำกัดผู้เดินทางชาวรัสเซีย. นายกรัฐมนตรีซันนา มาริน ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ อือเล ว่า “มันไม่ถูกต้องในเวลาเดียวกัน ขณะที่รัสเซียกำลังทำสงครามก้าวร้าวรุนแรงในยุโรป ชาวรัสเซียสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ท่องเที่ยวในยุโรป เป็นนักท่องเที่ยวได้”

คาดว่าเอสโตเนียและฟินแลนด์จะหยิบยกประเด็นวีซ่าที่การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียูเร็วๆ นี้

 

ด้านนายดมีตรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ประณามข้อเสนอของนายเซเลนสกี โดยกล่าวว่า “สามารถมองสิ่งนี้ไปในทางลบอย่างยิ่งเท่านั้น ความพยายามใดๆ ที่จะโดดเดี่ยวชาวรัสเซียและรัสเซียเป็นกระบวนการที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้น”

นายเปสคอฟเปรียบเทียบจุดยืนดังกล่าวกับทัศนคติชาตินิยมที่มีชัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองว่า “ในความไม่เป็นมิตรของพวกเขา หลายประเทศเหล่านี้หลงลืมไป และพวกเขาหันไปใช้ข้อความที่เราได้ยินจากหลายประเทศในยุโรปที่อยู่ใจกลางยุโรปเมื่อ 80 ปีก่อน”

ด่านตรวจคนเข้าเมืองของฟินแลนด์ Russian tourists have their papers checked at the Nuijamaa border crossing in Finland. © AFP / Alessandro Rampazzo

ทั้งนี้ วีซ่าเชงเกนของอียูให้ผู้เดินทางอยู่ในอียูสุงสุดถึง 90 วัน สำหรับกรท่องเที่ยวหรือธุรกิจ. ผู้เดินทางสามารถเดินทางได้อย่างอิสระภายในเขตเชงเกน 26 ประเทศ ในระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นเขตที่ประกอบด้วยสมาชิกอียู 22 ชาติ กับไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และลีชเทินชไตน์

ชาวรัสเซียจึงยังสามารถเยือนประเทศอียูส่วนใหญ่ แม้จะขาดสายการบินเชื่อมต่อโดยตรง. อย่างไรก็ตาม ชาวรัสเซียที่อยู่ในรายการคว่ำบาตรจากตะวันตก ได้แก่ มหาเศรษฐี และเจ้าหน้าที่ที่มีความเชื่อมโยงกับประธานาธิบดีปูตินและกองทัพรัสเซีย ถูกห้ามเข้ากลุ่มประเทศอียู

 

ขณะนี้เอสโตเนียและลัตเวียไม่ได้ออกวีซ่าเชงเกนแก่ชาวรัสเซียอีกต่อไป แต่สองประเทศยังมีชนกลุ่มน้อยชาวรัสเซียจำนวนมาก. อย่างไรก็ตาม ชาวรัสเซียที่มีวีซ่าเชงเกนที่ออกโดยสมาชิกอียูจากประเทศอื่นสามารถเข้ากลุ่มรัฐบอลติกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย และ ลิทัวเนีย และเดินทางต่อไปได้

ขณะที่ บัลแกเรีย มีการวิวาททางการทูตกับรัสเซีย และหยุดการออกวีซ่านักท่องเที่ยวแก่พลเมืองของกันและกันแล้ว ส่วน วังแวงแซนน์ ที่ประทับของราชวงศ์ในอดีต สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ที่มีหอจดหมายเหตุของกองทัพฝรั่งเศส ในกรุงปารีสของ ฝรั่งเศส ห้ามชาวรัสเซียเข้าเยี่ยมชนตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปูตินเย้ย ชาติตะวันตกไม่มีทางโดดเดี่ยวรัสเซียได้สำเร็จ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน