วันที่ 25 ต.ค.บีบีซีและรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินกองทัพเมียนมาทิ้งระเบิดถล่มงานคอนเสิร์ตของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์คะฉิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย ด้านสหประชาชาติหรือยูเอ็นและสถานทูตของชาติตะวันตกร่วมประณาม
ภาพจากบีบีซี
สื่อท้องถิ่นรายงานอ้างพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมาในเมืองผากั้น รัฐคะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศ เครื่องบิน 3 ลำทิ้งระเบิดสังหารพลเรือนจำนวนมาก รวมทั้งนักร้องและเจ้าหน้าที่ของกองกำลังเอกราชคะฉิ่นหรือเคไอเอหลายราย ซึ่งกองทัพถือเป็นฝ่ายกบฏ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย ขณะที่เว็บไซต์อิรวดีระบุว่า มีผู้เสียชีวิตรวม 100 ราย
โฆษกของเคไอเอระบุว่า การโจมตีพุ่งเป้าการเฉลิมฉลองครบรอบ 62 ปี ในโอกาสก่อตั้งฝ่ายการเมืองของกองทัพคะฉิ่น หรือองค์กรปลดแอกคะฉิ่นหรือเคไอโอ “เป็นการกระทำที่เลวร้ายมากที่สามารถจัดเป็นอาชญากรรมสงครามได้”โฆษกของเคไอเอระบุ
สภาพพื้นที่หลังเหตุระเบิด (บีบีซี)
ด้านกองทัพเมียนมายังไม่ยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งสถานีโทรทัศน์ของรัฐไม่รายงานในข่าวค่ำเมื่อวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. ทั้งนี้ เมียนมาอยู่ในสถานการณ์สู้รบตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อ 1 ก.พ.2564 ทำให้เกิดกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหาร บางกลุ่มติดอาวุธ ผุดขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งกองทัพเมียนมาจัดการตอบโต้ด้วยอาวุธถึงตาย
นับตั้งแต่รัฐประหาร กองทัพเมียนมาและกองทัพคะฉิ่นหวนต่อสู้อีกครั้ง หลังจากมีทั้งช่วงหยุดพักรบและต่อสู้กันมาในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องอำนาจในการปกครองตนเองที่เพิ่มมากขึ้น และกองทัพคะฉิ่นยังสนับสนุนการต่อต้านรัฐบาลทหารด้วย
สหประชาชาติในเมียนมาระบุในแถลงการณ์ว่า กังวลอย่างยิ่งและรู้สึกโศกสลดต่อเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้น และว่า กองกำลังด้านความมั่นคงใช้กำลังที่เกินกว่าเหตุและไม่ได้สัดส่วนกัน ต่อพลเรือนที่ไร้อาวุธนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
หัวหน้าของคณะทูตในเมียนมาออกแถลงการณ์ร่วมรวมถึงออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปหรืออียูระบุว่า การโจมตีนี้เน้นย้ำความรับผิดชอบของรัฐบาลทหารต่อวิกฤตและความไร้เสถียรภาพและการไม่คำนึงถึงพันธกรณีที่จะคุ้มครองพลเรือน
ก่อนหน้านี้ กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกอาเซียนมีกำหนดจะหารือเกี่ยวกับวิกฤตเมียนมาในสัปดาห์นี้
………..
