รพ.อัล-ชิฟา “วิกฤต” – บีบีซี รายงานวันที่ 13 พ.ย. ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเตือนว่าสถานการณ์ที่ โรงพยาบาลอัล-ชิฟา โรงพยาบาลหลักในพื้นที่ฉนวนกาซ่า “กำลังเลวร้ายและเต็มไปด้วยอันตราย” หลังถูกโจมตีอย่างหนักจนไม่มีไฟฟ้าใช้ ซ้ำร้ายยังขาดแคลนอาหารและน้ำด้วย
ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า “การยิงปืนและวางระเบิดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่รอบๆ โรงพยาบาลทำให้สถานการณ์ที่วิกฤตอยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลง โรงพยาบาลอัล-ชิฟาไม่สามารถเป็นโรงพยาบาลได้อีกต่อไป” และเรียกร้องให้ยุติการโจมตีพลเรือนในทันที
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขตุรกีเปิดเผยว่าเรือบรรทุกอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และรถพยาบาลสำหรับจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 8 แห่งเดินทางถึงท่าเรือเอลอาริช ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอียิปต์ และห่างจากด่านราฟาห์ที่มีพรมแดนติดฉนวนกาซ่าเพียง 45 กิโลเมตร
ส่วนกองทัพอิสราเอลแถลงว่าพร้อมจะช่วยเหลืออพยพทารกแรกเกิดหลายสิบคนจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟาไปยังโรงพยาบาลอื่น ภายหลังยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้โจมตีโรงพยาบาล แต่ยอมรับว่ามีการปะทะในพื้นที่โดยรอบ
ด้าน นายแพทย์มาร์วาน อาบู ซาอาดา หัวหน้าศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา เปิดเผยว่าทารกแรกเกิดคนที่ 3 เสียชีวิตลงแล้วเนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์พยุงชีพ ตอนนี้ทารกแรกเกิดอีกหลายสิบคนไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น “น่ากลัวว่าเราจะสูญเสียชีวิตของทารกทั้งหมด”
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบไอแซก เฮอร์ซ็อก แห่งอิสราเอล กล่าวหาว่ากองกำลังฮามาสมีสำนักงานใหญ่อยู่ภายใต้พื้นที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ฝ่ายกองกำลังฮามาสปฏิเสธว่าใช้โรงพยาบาลเพื่อจุดประสงค์ทางการทหาร
นพ.อาบู ซาดาอา กล่าวด้วยว่าการครหาของอิสราเอลเป็น “การโกหกครั้งใหญ่” และเชื้อเชิญให้เข้ามาตรวจสอบอาคารของโรงพยาบาลว่าไม่ได้เป็นที่ซ่องสุมของฮามาสอย่างแน่นอน
วันเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขที่ดำเนินการโดยกองกำลังฮามาสเปิดเผยข้อมูลที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟาว่า ยังมีผู้คนอย่างน้อย 2,300 คนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นผู้ป่วยราว 600-650 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 200-500 คน และผู้พลัดถิ่นประมาณ 1,500 คนที่หนีตายมาพักพิงในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ยังระบุว่ามีทารกแรกเกิด 7 คน และผู้ป่วยอาการสาหัส 27 คนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา“เราเกรงว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก” นายยูสเซฟ อาบู ริช รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซ่ากล่าว และว่าโรงพยาบาลทั้งหมดในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่าไม่สามารถให้บริการได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: