การค้าชายแดนเสียหายหนัก รมต.ต่างประเทศเผยสถิติปี 2566 เทียบปี 2565 “แม่สอด” วูบ 3 หมื่นล้าน พ่อค้าแม่ค้าโอดตรุษจีนเงียบเหงา โยงสถานการณ์สู้รบในพม่า-เศรษฐกิจโลก ปัดลงโทษแซงก์ชั่นตอบโต้ ดันยกระดับความช่วยเหลือมนุษยธรรมเปิดทางเจรจา

วันที่ 9 ก.พ.นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวภายหลังลงพื้นที่รับฟังปัญหาและการขอรับความสนับสนุนจากภาครัฐของพ่อค้าแม่ค้าตลาดริมเมย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 อ.แม่สอด จ.ตากว่า ปัจจัยเหตุการณ์ความรุนแรงในเมียนมา ในขณะเดียวกันสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-เมียนมาอย่างมาก

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ประธานสภาอุตสาหกรรม และประธานหอการค้าจ.ตากระบุว่า มูลค่าการค้าชายแดนแม่สอดปี 2566 ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2565 จาก 1.3 แสนล้านบาทเหลือราว 1 แสนล้านบาท หรือลดลงถึงราว 3 หมื่นล้านบาท

แหล่งข่าวศุลกากร ด่านแม่สอด ระบุว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตนได้ยินเสียงปืน ระเบิดมาถึงฝั่งไทย เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

ถนนถูกตัดขาดทำให้ผู้ประกอบการที่ขนส่งสินค้าขาออกจากเมืองเมียวดีไปยังนครย่างกุ้ง ของเมียนมาต้องเสียค่าเบี้ยบ้ายรายทางให้ชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มมาก เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของสินค้า อาทิ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม ผู้ประกอบการจึงมีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

อีกทั้งผู้ประกอบการต้องขนสินค้านำเข้า อาทิ ข้าวโพดสำหรับเลี้ยงไก่ผ่านทางด่านในจ.กาญจนบุรี หรือระนอง ไปยังแหลมฉบังซึ่งเส้นทางการขนส่งยากลำบากและต้องอ้อมไกลกว่าเมื่อเทียบกับด่านแม่สอด

แม้ในวันเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนแต่บรรยากาศค้าขายในตลาดริมเมยนั้นเงียบเหงาอย่างมาก แทบไม่มีผู้ซื้อ

ผู้ประกอบการรายย่อยคนหนึ่งระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาฉุกละหุก ไม่ทันได้เตรียมตัวอย่างดี และอยากให้สถานการณ์ในฝั่งเมียนมาสงบโดยเร็ว จะทำให้ฝั่งไทยคึกคัก เฟื่องฟูเหมือนเดิม “หากเพื่อนบ้านเรามีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย”

ตลาดริมเมยมีชื่อเสียงจากสินค้าอัญมณี หยก ทับทิม ไพลิน ซึ่งนำเข้ามาจากเมียนมา จนมีการกล่าวว่า “ไปซื้อหยก ซื้อทับทิมที่ริมเมย”

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ทำให้การค้าขายลำบาก แม้เริ่มดีขึ้น แต่สถานการณ์รอบบ้านมีปัญหารุนแรงซ้ำเติม

นายปานปรีย์หวังว่า ถ้าเหตุการณ์ในเมียนมาสงบ ตนเชื่อว่า เศรษฐกิจจ.ตากสามารถฟื้นคืนได้มากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะการค้าขายลงทุน แต่ยังรวมจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นด้วย

เมื่อวาน ( 8 ก.พ. ) นายปานปรีย์ลงพื้นที่เพื่อรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไทยแก่ประชาชนในเมียนมาจากด่านศุลกากรแม่สอด หลังจากกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับรัฐบาลเมียนมา โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

โครงการในระยะแรกเริ่มใน 3 หมู่บ้านในรัฐกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยของผู้พลัดถิ่นจากการสู้รบในประเทศ ครอบคลุมชาวบ้านราว 20,000 คน ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่การเจรจาระหว่างฝ่ายต่างๆในเมียนมาที่กำลังสู้รบกัน เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงในที่สุด

เมื่อสอบถามว่า ทำไมไทยไม่ใช้การแซงก์ชั่นหรือลงโทษทางเศรษฐกิจตอบโต้เมียนมา ในขณะที่ชาติตะวันตกรวมถึงสหรัฐแซงก์ชั่นรัฐบาลทหาร เพื่อตัดรายได้ไม่ให้นำเงินไปซื้ออาวุธโจมตีประชาชน นายปานปรีย์กล่าวว่า ไทยไม่เหมือนชาติดังกล่าว ในแง่ที่ไทยมีพรมแดนติดเมียนมาราว 2,400 กิโลเมตร เฉพาะอำเภอแม่สอดติดเมียนมาถึงราว 530 กิโลเมตร ฉะนั้นการแซงก์ชั่นจะกระทบต่อประชาชนสองฝั่ง รวมถึงผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่โดยเฉพาะภาคพลังงานอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ นายปานปรีย์ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมา (TBAM) เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะการค้าชายแดน

อ่าน ‘ปานปรีย์’ลงพื้นที่แม่สอด ไทยส่งความช่วยเหลือมนุษยธรรมเมียนมานำร่อง 20,000 คน เชื่อปูทางสู่การเจรจา

อ่าน ผบ.ทบ.’ เยี่ยมฐานปฏิบัติการชายแดนตาก ย้ำเข้มงวดสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

อ่าน แนวโน้มการปราบทุนจีนเทาจากเล้าก์ก่ายสู่แม่สอด? วิเคราะห์สถานการณ์สู้รบของกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ 3 พี่น้อง (ตอน 2)

อ่าน จีนไม่พอใจอย่างยิ่ง! ทัพพม่าปะทะชนกลุ่มน้อยชายแดน จีนดับ-เจ็บ เรียกร้องหยุดยิงทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน