จากกรณีกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บุกจับพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม ตั้งแต่ปี 2557 รวมกว่า 150 ล้านบาท ในคดีเงินทอนวัด ก่อนถูกจับสึกส่งขังคุกและเร่งตามล่า พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีไปประเทศลาว

รถตู้ที่อดีต พระพรหมเมธีใช้ในการหลบหนี

สำหรับการติดตามตัว อดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ภายหลังพบหลักฐานมีลูกศิษย์ใกล้ชิดให้ความช่วยเหลือ พาหนีข้ามแม่น้ำโขงไปหลบซ่อนในแขวงคำม่วน ประเทศลาว โดยพบรถจอดทิ้งไว้ที่วัดป่าสุคนธรักษ์ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนจับกุมตัวสีกา จ. วัย 50 ปี ลูกศิษย์คนสนิท ชาวไทย คาด่าน ตม.สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) ฝั่งขาเข้า ขณะเดินทางกลับประเทศไทย

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า สีกา จ. ยอมเปิดปากรับสารภาพแล้วว่า ได้ใช้รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมาด้วยกัน 3 คน มีพระพรหมเมธี คนขับรถ และตนนั่งมาด้วย เดินทางมุ่งหน้าไปยัง จ.พิษณุโลก เพื่อรับกิจนิมนต์ ขณะนั้นทราบข่าวว่าตำรวจเปิดปฏิบัติการไล่ล่า จึงเปลี่ยนใจไม่กลับวัดที่กรุงเทพฯ ก่อนมุ่งหน้าเดินทางไปที่ จ.นครพนม เพื่ออาศัยจังหวะหลบหนีไปฝั่งลาว

อดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม

ต่อมาสีกา จ. เป็นห่วงรถตู้ที่จอดไว้ยังฝั่งไทย จึงวานให้นางจัน ชาวลาวที่รู้จักกัน ให้หาคนขับไปจอดเก็บให้ด้วย ซึ่งนางจันจึงอาสาให้ลูกชายข้ามแม่น้ำโขงมาขับรถคันดังกล่าว ไปจอดที่ข้างโรงครัววัดป่าสุคนธรักษ์ อ.เรณูนคร เหตุที่ให้ไปจอดวัดนี้ โดยนางจัน เล่าว่า เนื่องจากรู้จักกับเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้มาก่อน เพราะเคยไปมาหาสู่กันเป็นประจำ กระทั่งทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่าพระพรหมเมธีหนีหมายจับจากประเทศไทย จึงตกใจปรึกษากับญาติว่าจะทำอย่างไร หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเจอตนอยู่กับสีกา จ. อาจจะติดร่างแหไปด้วย

ต่อมานางจันจึงขอร้องสีกา จ. ให้กลับประเทศไทย โดยให้คนขับรถข้ามสะพานไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) มาส่งที่ฝั่งไทยในเช้าวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามาถึงด่าน ตม.ก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวคนในรถไว้ทั้งหมด และถูกตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำตัวไปสอบสวน ก่อนจะปล่อยตัวคนลาวที่ขับรถมาส่งให้เดินทางกลับฝั่งลาว หลังสอบปากคำแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แต่เจ้าหน้าที่ยังคงควบคุมตัวสีกา จ.ไว้สอบเค้นอย่างหนัก จนเปิดปากรับสารภาพดังกล่าว ส่วนพระพรหมเมธีพร้อมคนขับรถนั้น สีกา จ.อ้างว่า มีคนมารับช่วงต่อตั้งแต่ตอนสายของวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบว่าพระที่ถูกหมายจับรูปนี้ไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด

รายงานข่าวระบุด้วยว่า สีกา จ. มีสามีเป็นคนไทยเป็นผู้ทำสัมปทานเหมืองแร่ทองคำอยู่แขวงสาละวัน ทางภาคใต้ของลาว ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีรายงานว่า เดินทางมา จ.นครพนม พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยช่วงบ่ายของวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว ขณะเดียวกันในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมขออนุมัติศาลจังหวัดนครพนม ออหมายจับคนขับรถพระพรหมเมธี ในฐานความผิดมาตรา 189 ผู้ใดช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษไม่เดิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนพระพรหมเมธี ที่ยังหลบหนีอยู่ในฝั่งประเทศลาว ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังคงหลบดานอยู่ในเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ตรงข้ามกับ จ.นครพนม ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและบก.ป. อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของประเทศลาว เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเร่งนำตัวพระพรหมเมธี มาดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน