สุดเศร้า! ลูกสาวกัปตัน “สินสมุทร” รอรับศพคุณพ่อกลับบ้าน ระบุคุยกันครั้งสุดท้ายช่วงสุดสัปดาห์ทุกอย่างยังคงปกติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงพบชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตกระจายเกลื่อนทั่วทั้งบริเวณ พร้อมไมค์ และ กล้องช่อง 7 เร่งเก็บกู้และส่งพิสูจน์อัตลักษณ์
จากกรณีเกิดเหตุเศร้า เฮลิคอปเตอร์โดยสาร ยูโรคอปเตอร์ รุ่น AS355 NS สีขาว ตกอยู่กลางทุ่งนาบ้านหูลิง ต.วังแสง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น หลังขาดการติดต่อกับหอบังคับการบิน เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเช่าเพื่อทำข่าวและรายการต่างๆของทางสถานี ก่อนเกิดเหตุบินมารับผู้สื่อข่าวที่ จ.ขอนแก่น และจากการตรวจสอบรายชื่อที่ได้แจ้งแผนการบินมากับเฮลิคอปเตอร์ พบว่าขอบินในเส้นทางสระบุรี-ขอนแก่น
โดยยืนยันจำนวนผู้โดยสาร ทั้งหมด4ราย ประกอบด้วย นายเสกสรร วรรณา กัปตัน – พ.ต.อ.สินสมุทร สันเพทา ผู้ช่วยนักบิน – นายสมเนา น้อยสกลุ ผู้โดยสาร – นายรณกิจ เพชรนิล ผู้โดยสาร
- อ่าน : ด่วน! เฮลิคอปเตอร์โดยสารตกกลางทุ่งนา ไฟลุกท่วม ตายยกลำ 3 ศพ เร่งตรวจสอบ
- อ่าน : ชาวบ้านเล่านาทีฮ. ทีมข่าวตก เครื่องดับกลางอากาศ ก่อนโหม่งโลกบึ้มสนั่นไฟลุกท่วม
- อ่าน : เศร้า! ญาติกัปตัน ‘เสกสรร’ บินฮ.ตก นิมนต์พระเชิญดวงวิญญาณ เผยไร้ลางบอกเหตุ
- อ่าน : ยังไม่พบ กล่องดำ รอพิสูจน์สาเหตุฮ.ตก ที่ขอนแก่น ญาติทยอยรับศพบำเพ็ญกุศล
– รอรับศพคุณพ่อกลับบ้าน / ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ก.ค.2561 ที่ห้องเก็บศพ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ยังคงมีญาติของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ ของ บ.เฮลิลักซ์ เอวิเอชั่น จำกัด ตกที่บริเวณกลางทุ่งนา บ.หูลิง ม.2 ต.วังแสง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น เดินทางมายืนยันตัวบุคคล และตรวจดีเอ็นเอ ตามการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทั้งหมดถูกเพลิงไหม้จนจำสภาพไม่ได้ ทำให้การพิสูจน์อัตลักษณ์และยืนยันตัวบุคคลนั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนในภาพรวม
โดยล่าสุด น.ส.สวรรยา สินเภตรา บุตรสาว และ นางอรพิณ ดาวเรือง พี่สาว ของ พ.ต.อ.สินสมุทร สินเภตรา ผู้ช่วยนักบิน ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพ และพิสูจน์อัตลักษณ์ ในการนำกลับไปบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีทางศาสนา
พ.ต.อ.สินสมุทร สันเพทา ผู้ช่วยนักบิน
น.ส.สวรรยา สินเภตรา กล่าวว่า ทราบข่าวว่าคุณพ่อเสียชีวิตเมื่องช่วงเที่ยงของเมื่อวาน จึงรีบเดินทางมา จาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อมาพบคุณพ่อ ขณะที่คุณป้าเดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี เพื่อมารับศพคุณพ่อด้วยเช่นกัน
“ยังรู้สึกช็อค เสียใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากครอบครัวทราบมาตลอดมาคุณพ่อทำการบินเป็นประจำ และไม่คาดคิดว่ามาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตอนนี้ครอบครัวยังตั้งรับอะไรไม่ทัน ทำใจไม่ได้ ล่าสุดได้คุยวีดีโอคอลกับคุณพ่อ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ทุกอย่างปกติไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะสามารถรับศพคุณพ่อกลับไปได้หรือไม่ เพราะต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์ ดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันบุคคลให้แล้วเสร็จก่อน”
ขณะที่ผู้เชียวชาญจากคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักร กระทรวงคมนาคม ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ และแพทย์เวร แพทย์ชนบท ยังคงทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ด้านต่างๆในพื้นที่ รวมทั้งการตรวจสอบหาวาเหตุจองการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ท่ามกลางความสนใจจองชาวบ้านที่ต่างพากันมายืนดูการปฎิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ อ.ชนบท ,สำนักงาน ปภ.,อบต.วังแสง และผู้นำชุมชนได้ทำการนำเต๊นท์ และ เครื่องปั่นไฟมาทำการติดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในการ ทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการทำอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานได้รับประทานตลอดทั้ง 24 ชม.โดยมีการจัดน้ำดื่ม น้ำชา กาแฟ มาคอยให้บริการ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องปฎิบัติงานตลอดทั้ง 24 ชม.ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานตามกฎการบินสากล ก่อนเข้าสู้ขั้นตอนของการเก็บกู้ซากไปเก็บรักษาไว้ที่ท่าอากาศยานขอนแก่นตามแนวทางการสอบสวน
ทั้งนี้ในการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่นั้นยังคงพบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ที่ป็นของผู้เสียชีวิตกระจายอยู่ทั้งบริเวณ และใต้ซากเฮลิคอปเตอร์ อีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยและแพทย์เวร รพ.ชนบท จึงทำการเก็บรวมใส่ถุงผ้าและกล่องเก็บชิ้นส่วนมนุษย์ เพื่อส่งไปพิสูจน์อัตลักษณ์ตามขั้นตอน นอกจากนี้ยังคงพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กล้อง และไมค์ของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 อยู่ใต้ซากของเฮลิคอปเตอร์ อีกจำนวนหนึ่ง จึงทำการเก็บมาทำการตรวจสอบที่ สภ.ชนบท เช่นกัน
