จำคุกอ่วมกว่าร้อยปี อดีตพระเณรคำ ฉ้อโกง-ฟอกเงิน กรณีสร้างพระแก้วมรกตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ พร้อมสั่งชดใช้เงินผู้เสียหาย 29 ราย

– จำคุกเณรคำ กว่าร้อยปี / เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2561 ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2341/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อปี 2560 เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 52 – 27 มิถุนายน 56 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิต (ฝัน) พบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ และก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้นๆละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ (รูปเหมือนจำเลย) ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา 1 จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าฯ โดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้

นอกจากนี้จำเลยยังใช้เว็บไซต์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย(เฉพาะที่มาร้องทุกข์ )หลงเชื่อว่า จำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 28,649,553 บาท แล้วจำเลยโอนเงิน 1,130,000 บาทที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์ตู้โตโยต้า 1 คันโดยทุจริต ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างใดๆเลย

เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ , อุบลราชธานี เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 ด้วย ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ สู้คดี โดยขณะพิจารณา อดีตพระเณรคำ ถูกคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยวันนี้ศาลเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตรถึงพระอินทร์แล้วหลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธา ที่เป็นพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อจนบริจาคเงินให้ แล้วนำไปซื้อรถปอร์เช่ รถตู้ รถกระบะหลายสิบคัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ กระทั่งจำเลยก็ถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาทนั้น ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยนั้นผิดตามฟ้อง

ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกรรมเป็นกระทงความผิดไป จึงพิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทงๆ ละ 3 ปี รวม 87 ปี , พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ม.14(1) เป็นเวลา 3 ปี และความผิดฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป.ป.ง.ฯ รวม 12 กระทงๆ ละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี

แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91 (2) แล้วได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายกับ 29 ราย ตามจำนวนที่ฉ้อโกงไป ส่วนที่อัยการโจทก์ให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาในขณะนี้ จึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาในเดือนตุลาคมนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน