รองผบก.ป.ปัดไม่รู้พี่ชาย’บูม จิรัชพิสิษฐ์’ นักแสดงหนุ่มส่งจดหมายชี้แจงคดีถึงตน ขอให้ทนายจัดการคดีที่ถูกออกหมายจับ เผยจม.ชี้แจงไม่สามารถทำได้ เพราะถูกออกหมายจับไปแล้ว ผู้ต้องหาต้องมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง

นายปริญญา จารวิจิต

กรณีนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา นักธุรกิจชาวฟินแลนด์ เข้าแจ้งความกองปราบปราม หลังถูกนายปริญญา จารวิจิต และพวกหลอกลงทุนซื้อหุ้นด้วยเงินสกุลบิตคอยน์ จำนวน 797 ล้านบาท ต่อมาศาลออกหมายจับ นายปริญญา พร้อมด้วยน้องสาวและน้องชายคือน.ส.สุพิชย์ฌา และนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากพบนายปริญญาโอนเงินที่หลอกลวงมาได้ไปเข้าบัญชีน.ส.สุพิชฌาย์ และ นายจิรัชพิสิษฐ์ ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้า กระทั่งน.ส.สุพิชฌาย์ เข้ามอบตัวไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว ‘พี่สาวบูม’ นายแบบดัง รับแล้ว! ปมเงินหมุนเข้าบช. ลุยค้นบ้านอีก พ่อ-แม่จ่อโดนด้วย

ส่งจม.ชี้แจง/ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. เปิดเผยถึงกรณีข่าวว่านายปริญญา จารวิจิต หนึ่งในผู้ต้องคดีฟอกเงิน ยื่นจดหมายชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมายังตน เพื่อขอให้ทนายส่วนตัวเข้ามาจัดการเรื่องที่นายปริญญาถูกออกหมายจับ อ่านข่าว ‘พี่สาวบูม’ นายแบบดัง! ดอดมอบตัวแล้ว! ปมพบเงินตุ๋นบิตคอยน์หมุนเข้าบัญชี

โดยยืนยันว่าไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศตามที่เป็นข่าว ซึ่งในส่วนนี้ตนขอยืนยันว่า ยังไม่ได้รับจดหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่อย่างใด มีเพียงแค่ข้อความในเอกสารที่นายปริญญาส่งผ่านมาทางไลน์ส่วนตัว ซึ่งตนไม่ทราบว่านายปริญญาได้ไอดีไลน์ของตนมาได้อย่างไร

นอกจากนี้ การส่งจดหมายหรือหนังสือชี้แจงในความเป็นจริงตามกฎหมายแล้ว ไม่สามารถทำได้ ในเมื่อพนักงานสอบสวนออกหมายจับไปแล้ว ผู้ต้องหาก็ต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎหมายด้วยตนเอง

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าของเรื่องขยายผลการดำเนินคดีไปยังผู้ต้องหารายอื่น โดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวจารวิจิตนั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่านายปริญญาโอนเงินมาเข้ายังบัญชีธนาคารของพ่อแม่จริง ก่อนที่ภายหลังทั้ง 2 จะเดินทางไปถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารดังกล่าว ครั้งละหลายล้านบาท

โดยเป็นการไปทำธุรกรรมการเงินที่ธนาคารด้วยตน หลังจากนี้ก็จะต้องเชิญตัวบุคคลทั้ง 2 มาสอบปากคำอย่างละเอียดเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

หลังจากนั้นก็นำคำให้การไปพิจารณาควบคู่กับหลักฐานที่มีอยู่ จึงจะบอกได้ว่าจะออกหมายจับทั้ง 2 คนในข้อหาร่วมกันฟอกเงินด้วยหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณีของนายธนสิทธิ์ จารวิจิต นั้นก็ยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพ รายการเรื่องเล่าเช้านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน