เจ้าของโฮเทลเกาะเต่าเชื่อแหม่มสาวชาวอังกฤษกุเรื่องถูกข่มขืน เผยบอกให้รีบไปแจ้งความแต่แหม่มสาว ไม่อยากให้เพื่อนหมดสนุก จึงไปเกาะพะงัน ไม่ยอมแจ้งความ เมื่อดูวงจรปิดก็ถูกลบภาพหมดแล้วเมื่อสอบถามกลับบอกว่า วันนั้นเมาและรู้สึกผิดที่ไปมีอะไรกับเพื่อนชาย

น.ส.ภัทรา แจ่มตระกูล พาตร.ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ

จากกรณีที่ เดลีเมล์ และเดอะซัน เปิดเผยกรณีล่วงละเมิดทางเพศที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตกเป็นกรณีฉาวโลกจากเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2557 ซ้ำยังมีคดีฆ่าและข่มขืนเกิดขึ้นหลายครั้ง ล่าสุดมีแหม่มสาวชาวอังกฤษวัย 19 ปี อ้างว่ามาท่องเที่ยวกับเพื่อนที่หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ถูกวางยาจนไม่รู้สึกตัวและถูกข่มขืน หลังจากที่นั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อไปแจ้งความแต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ บอกว่าสาวอังกฤษเข้ามาแจ้งความทรัพย์สินสูญหายเท่านั้น เพื่อนำบันทึกไปทำเรื่องเคลมบริษัทประกัน ไม่มีเรื่องข่มขืน ล่าสุดผบ.ตร.ส่ง “บิ๊กโจ๊ก” ลงติดตามคดี ขณะที่ ผบก.สุราษฎร์ฯ รุดสอบปากคำเจ้าของโรงแรมให้การวันเกิดเหตุ แหม่มสาวมากับชายหนุ่มชาวฝรั่ง 4 คน เล่าให้ฟังว่าถูกชายชาวเอเชียมอมยาล่วงละเมิดทางเพศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

แหม่มสาวชาวอังกฤษ

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 ส.ค. น.ส.ภัทรา แจ่มตระกูล อายุ 32 ปี เจ้าของที่พักเดอะไฮ โฮสเทล ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กรณีสาวอังกฤษอายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวที่ไปพูดที่ประเทศอังกฤษว่า ระหว่างมาเที่ยวที่เกาะเต่าถูกวางยาไม่รู้สึกตัว และถูกข่มขืน หลังจากนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย. นั้น

ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะมีอะไรหลายอย่างที่ดูแปลกๆ โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ สาวอังกฤษตื่นมาเก็บกระเป๋าจะไปเกาะพะงันอยู่กับเพื่อนชายชื่อ นายมาร์ติน เพียง 2 คน ส่วนเพื่อนชายอีก 3 คนที่พักห้องเดียวกันออกไปก่อนแล้ว อ่านข่าว ตร.ไม่พบหลักฐาน สาวอังกฤษถูกวางยาข่มขืน แค่แจ้งของหาย เอาไปเคลมประกัน

เมื่อแหม่มสาวบอกว่าถูกข่มขืน ตนเป็นฝ่ายบอกขอให้ไปแจ้งความก่อน อย่าเพิ่งไปเกาะพะงันเลย อย่างน้อยเผื่อจะได้เจอโทรศัพท์ที่หายไป หรือเจอคนที่ทำเธอด้วย แต่แหม่มสาวกลับบอกว่า ไม่อยากให้เพื่อนทุกคนไม่สนุกกับตัวเขา จึงไปเกาะพะงันเลย และไม่ยอมไปแจ้งความ ซึ่งตนก็คิดอยู่ว่าหากเป็นผู้เสียหาย ทำไมไม่ไปแจ้งความและยังทำตัวตามปกติ อ่านข่าว เจ้าของโรงแรมแฉ! ปมแหม่มวัย19 ร้องถูกข่มขืน ส่ง’บิ๊กโจ๊ก’ลุยเกาะเต่าสางคดี

น.ส.ภัทรา กล่าวอีกว่า ทราบภายหลังจากนายมาร์ตินที่กลับมาเกาะเต่าคนเดียวเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ว่า ไปแจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน ส่วนแหม่มสาวกลับประเทศไปแล้ว และกลุ่มเพื่อนคนอื่นแยกย้ายไปก่อน นายมาร์ติน บอกว่าอยากจะไปแจ้งที่เกาะเต่าให้แหม่มสาว

ตนถามว่าทำไมไม่ไปแจ้งตั้งแต่วันนั้น เพราะผ่านมาหลายวันแล้ว รู้อยู่ว่ากล้องวงจรปิดเก็บภาพไม่ได้มากขนาดนั้น ตนจึงพาไปที่สภ.เกาะเต่า ซึ่งตำรวจบอกว่าไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะต้องพาไปตรวจร่างกายได้

“ตำรวจเกาะเต่าพยายามรีบพาไปดูภาพกล้องวงจรปิด จากบริเวณร้านฟิชโบลว์บาร์ที่กลุ่มเขาไปเที่ยว พบว่าภาพถูกบันทึกทับแล้ว เนื่องจากผ่านมาหลายวัน โดยกล้องไม่ได้เสีย ยังทำงานอยู่ตลอด จริงๆ บริเวณที่เขาว่าเป็นจุดเกิดเหตุคนเยอะตลอด เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งดูแล้วแหม่มสาว เขาเมามาก ทำให้รู้ว่าไม่ดูแลตัวเอง และช่วงที่มีอาการซึมเศร้าได้สอบถามเธอบอกว่า รู้สึกผิดมากที่เมาและไปมีอะไรกับเพื่อนชาย ขณะที่แฟนชาวอังกฤษรออยู่ที่เกาะพะงัน และดิฉันทราบจากนายมาร์ตินว่า แหม่มสาวไปบอกกับแฟนว่าเมาและมีอะไรกัน จนแฟนของแหม่มสาวชกนายมาร์ตินจนฟันบิ่น” น.ส.ภัทรา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน