2 ป๋า เชียร์แขกนวด วิคตอเรีย ซีเคร็ต กลับคำให้การ สู้คดีค้ากาม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำ คม.24/2561 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายศรัทธา แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก กับพวกรวม 10 คนเป็นจำเลย ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันเป็นธุระจัดหาการค้าประเวณีเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ฯในสถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเคร็ต

กรณีเมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.60 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด พวกจำเลยได้สมคบกันวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำเป็นธุระจัดหาพาหญิงสาวชาวเมียนมาร์ 8 คน และหญิงชาวไทย 1 คน อายุระหว่าง 15 – 17 ปี มาค้าประเวณีที่สถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเคร็ต ถ.พระรามเก้า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.โดยมีนายมนัส อ่วมทับ หรือป๋านัส อายุ 48 ปี จำเลยที่ 4 และนายสมชายแสงอุดม หรือป๋าต้น อายุ 52 ปี จำเลยที่ 6 รับหน้าที่เป็นพนักงานเชียร์แขก

เบื้องต้นจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพโดยดี และศาลเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาฟังคำพิพากษา

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาจำเลยทั้งสองแถลงต่อศาล ขอกลับคำให้การเดิม จากที่เคยให้การรับสารภาพ เป็น ให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ทำนองว่า ไม่ทราบว่า หญิงผู้เสียหายมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ฯ ศาลพิเคราะห์แล้ว เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จึงนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำพากษาจำเลยอีก8 รายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ รวม 2 สำนวน โดยสำนวนแรก ศาลยกฟ้อง นายบุญเฉลียว หรือเอส จันทร์พิมพ์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงผู้ขี่วิน จยย.รับส่งผู้เสียหายระหว่างแมนชั่นที่พักกับที่ทำงานสถานอาบอบนวดโดยไม่ทราบว่าผู้เสียหายนั้นมีอายุเท่าใด และจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี

ส่วน นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ อายุ 55 ปี จำเลยที่ 2 , นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊กอายุ 67 ปี ในฐานะผู้มีอำนาจบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการ ผู้จัดการสถานบริการ อาบอบนวด วิคตอเรียซีเครทจำเลยที่ 3 นั้นให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ฐานร่วมเป็นเจ้าของหรือควบคุมค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี

สำหรับ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วน ในห้างหุ้นส่วนจำกัด(หจก.) อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการนั้น มีความผิดแต่ศาลให้ลงโทษสถานเบาเนื่องจากเป็นการกระทำโดยส่วนตัวไม่ใช่โดย หจก.ให้จำคุก 8 เดือน และให้ยกฟ้องหจก. อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 ให้จำคุก 6 ปี นายเดชา หรือหนู สิงห์สาครเดชา จำเลยที่ 6 ซึ่งได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี โดยจำเลยเป็นขับรถกระบะพาเด็กสาวผู้เสียหายที่ถูกส่งตัวจาก กทม.ไป อ.สะเดา จ.สงขลา ไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้ศาลให้ยกฟ้องข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์จำเลยทั้งหมด เพราะพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังให้ลงโทษได้

ส่วนสำนวนที่ 2 ซึ่งอัยการโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกระทำผิดต่อเด็กสาวอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีนั้น

ศาลมีคำพิพากษาว่า นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 1 , นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายชัยณรงค์ หรือป๋าสง่า จำเลยที่ 3 , นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือพี่ป๊อป อายุ 29 ปี มีความผิดเป็นธุระจัดหาฯ จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมโทษจำคุก นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ กับนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ ทั้ง 2 สำนวนแล้ว คงจำคุกทั้งสิ้นคนละ 18 ปี 16 เดือน

ส่วนน.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วน ในหจก. อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ จำเลยที่ 6 ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือนทั้งนี้เมื่อรวมจำคุกทั้ง 2 สำนวนแล้ว รวมจำคุก น.ส.ศศิธร 7 ปี 14 เดือน โดยให้ยกฟ้องหจก.อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 กับบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด จำเลยที่ 7 ที่เป็นเพียงนิติบุคคลเรื่องการเช่าสถานที่ และให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน