กรณีนายภิญโญ ภิญโญชีพ สามีนางนันทา คุ้มบาง ผู้จัดการมรดก ของนายสง่า คุ้มบาง บิดาเจ้าของโรงสีสง่าพาณิชย์ ซึ่งเสียชีวิตลงแล้ว เข้าร้องเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผ่านศูนย์บริการประชาชน ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง โดยนายสง่าที่เสียชีวิตไปแล้วฝากเงินเข้า 4 บัญชี ระหว่างปี 2526-2528 มีเงินฝากรวมกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งบัญชีดังกล่าวนั้นได้จำนำกับทางธนาคาร เพื่อค้ำประกันการทำธุรกิจโรงสีฯ และฝากเงินเข้าบัญชีตลอด แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่มีเงินเข้าบัญชีเลย เมื่อจะขอตรวจสอบจากทางธนาคาร แต่ธนาคารกลับไม่ให้ตรวจสอบ จนโรงสีต้องปิดกิจการลงเนื่องจากขาดสภาพเงินทุนหมุนเวียน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว ทายาทโรงสี ร้อง “บิ๊กตู่” เงินในบัญชีหาย 500 ล้าน ผ่าน 5 ปี ธนาคารไม่รับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นางปิยพร บุญเลิศ หัวหน้าส่วนผู้บริหารงาน งานประชาสัมพันธ์มวลชน ฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในเว็บไชต์ เรื่องเจ้าของโรงสีข้าว โวยจำนำบัญชีกับธนาคารกรุงไทย พบเงินหายกว่า 500 ล้านบาท โดยได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี นั้น

บมจ.ธนาคารกรุงไทย ขอเรียนชี้แจงว่า นายภิญโญ ภิญโญชีพ และนายสง่า คุ้มบาง เคยเป็นลูกค้าสินเชื่อธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมธานี และเคยใช้บัญชีเงินฝากประจำ ซึ่งเป็นของนายสง่า คุ้มบาง ทั้ง 4 บัญชีที่กล่าวอ้าง มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อกับธนาคาร และก่อนที่นายสง่า คุ้มบาง จะเสียชีวิต ได้ถอนบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปแล้ว

ต่อมาลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารได้ฟ้องเรียกหนี้คืน ซึ่งหนี้ดังกล่าวถูกโอนไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิทแล้ว แต่ทายาทคิดว่ายังมีบัญชีเงินฝากตามที่กล่าวอ้างอยู่ และฟ้องแพ่งเรียกเงินคืนจากธนาคารทุนทรัพย์ 5,200 ล้านบาท เมื่อปี 2546 ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้อง ในปี 2552 ธนาคารไม่ต้องชดใช้ เนื่องจากธนาคารสามารถพิสูจน์ได้ว่า ลูกค้าไม่มีเงินฝากในบัญชีกับธนาคารจริง ตามที่กล่าวอ้างไว้

ต่อมาในปี 2554 ลูกค้าฟ้องธนาคารคดีอาญา ข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งธนาคารได้พิสูจน์ว่าลูกค้าไม่มีเงินฝากในบัญชีดังกล่าวจริง ตามที่กล่าวอ้างไว้ ศาลอาญาได้ยกฟ้อง ในปี 2556 เช่นเดียวกัน โดยทั้ง 2 คดีเสร็จสิ้นแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน