เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ม.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. (ปป.1) พร้อมด้วย นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. และผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมศุลกากร ร่วมกันแถลงผลปฎิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/1” ซึ่งสามารถจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา และเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแถลงผลการตรวจค้นเป้าหมาย 36 จุด ของเครือข่ายดังกล่าวด้วย โดยมีมูลค่าทรัพย์ที่ยึดอายัดได้เบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท

อ่านข่าว แตกตื่นทั้งสุวรรณภูมิ! ตร.จู่โจมจับ”ไซซะนะ”เจ้าพ่อค้ายา ใหญ่กว่า “เล่าต๋า” ตามล่ามานาน 5 ปี

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการทำงานแบบบูรณาการ่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส., กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.), กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-4, ป.ป.ส., ปปง. และฝ่ายทหาร โดยบูรณาการร่วมกันดำเนินการตามแผน “ชัยยะ สยบไพรี 60/1” เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และตรวจยึดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่ายของนายไซซะนะ ชาวลาว หัวหน้าผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่กว่าแก๊งเล่าต๋า

ซึ่งที่ผ่านมา เราได้จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดและพยายามหาความเชื่อมโยงของเครือข่ายต่างๆ จนทราบว่ามีเครือข่ายสำคัญ ทั้งในการนำยาเสพติดมากจากเขตพื้นที่เพื่อนบ้านและลงไปทางภาคใต้ โดยผ่านทางภาคอีสานของประเทศไทย กระทั่งนำไปสู่การทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่

รองผบ.ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติการณ์ของเครือข่ายนายไซซะนะนั้น จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าได้ลำเลียงยาเสพติดส่งไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะเมื่อปี 2559 ทางการไทยสามารถจับกุมเครือข่ายนี้ได้ 4 คดี พร้อมยาบ้าประมาณ 5 ล้านเม็ด ก่อนจะสืบสวนสอบสวนขยายผลจนนำไปสู่การออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายได้อีก 9 ราย ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 4 ราย คือ นายไซซะนะ, นายชุมพร พนมไพร อายุ 42 ปี คนสนิทของนายไซซะนะ, นายปุ่น ชรินทร์ 53 ปี และน.ส.อ้อยทิพย์ ปัญญารักษ์ อายุ 28 ปี ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการติดตามและจับกุมตัว

ด้าน นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า สำหรับผลการตรวจยึดทรัพย์สิน 36 จุด ในพื้นที่ภาค 1, 4 และ 5 รวม 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่, อุดรธานี, สกลนคร, ขอนแก่น, นนทบุรี และปทุมธานี เบื้องต้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้ 74 รายการ เป็นบ้านทรงไทย 2 หลัง, โฉนดที่ดิน 14 แปลง, รถยนต์หรู 14 คัน, จักรยานยนต์ 11 คัน, รถเพื่อการเกษตร 2 คัน, บัญชีเงินฝาก 29 รายการ และทองรูปพรรณพร้อมเงินสดทั้งสกุลไทยและต่างประเทศ รวม 1.5 ล้านบาท รวมมูลค่าที่ตรวจยึดได้ขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการตรวจค้นดังกล่าว เราเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19-21 ม.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้ตรวจยึดไปได้แล้ว 11 แห่ง ส่วนอีก 25 แห่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามกรอบเวลาที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การติดตามยึดและอายัดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดของเครือข่ายดังกล่าวนั้น จะส่งเรื่องให้ปปง. ไปดำเนินการต่อไป ซึ่งอาจะต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง

นายศิรินทร์ยา กล่าวต่อว่า ช่วงเช้าวันนี้ยังได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ของทางฝั่ง สปป.ลาว ผ่านการวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าตรวจค้นว่า กำลังดำเนินการเข้าตรวจค้นในแขวงคำม่วน สปป.ลาว ซึ่งคาดว่ามีทรัพย์สินของนายไซซะนะอีกจำนวนมากกว่าที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งการปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการก้าวข้ามไปอีกขั้น ในการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน จนทำให้สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ได้ ล่าสุดยังได้รับการประสานจากทางประเทศสิงคโปร์ ในการให้ข้มูลข่าวสารเกี่ยวกับเครือข่ายที่ลำเลียงยาเสพติดผ่านประเทศต่างๆในอาเซียนไปจำหน่ายในประเทศ เพื่อร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า ขบวนการของนายไซซะนะมีความเติบโตของขบวนการใหญ่กว่านายเล่าต๋า เพราะมีการปรับปรุงยาเสพติดและมีเครือข่ายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 เครือข่าย ที่มีการส่งขายไปยังประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน และประเทศนอกอาเซียน และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งผู้มีอิทธิพลข้ามชาติที่เข้ามาในไทย ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายไซซะนะ เบื้องต้นยังไม่ได้ให้การยอมรับหรือปฏิเสธทั้งหมด ซึ่งนายไซซะนะเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ของทางฝั่ง สปป.ลาว มีการทำธุรกิจทั้งโรงแรม โรงเลื่อย และเหมือง ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 5 คน คาดว่ามี 2 คนหลบหนีอยู่ในประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน