กองปราบ ยึดซูเปอร์คาร์ สวมซาก สวมทะเบียน 10 คัน 100 ล้าน ชี้เหยื่อสูญเงินเพียบ!

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ค.ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป.และเจ้าหน้าที่ ศปจร.ป. บก.ป.ร่วมกันแถลงผลตรวจยึดรถหรู ที่มีการสวมซาก สวมทะเบียน และปลอมเอกสาร พร้อมรถของกลางจำนวน 10 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า 4 คัน แบ่งเป็น รุ่น vellfire จำนวน 3 คัน สีดำ 2 คัน สีขาว 1 คัน และ รุ่นเอสติม่า สีขาว 1 คัน รถยนต์ลัมโบร์กินี 2 คัน แบ่งเป็น รุ่นกัลป์ลาร์โด สีส้ม 1 คัน และสีเขียว 1 คัน รถยนต์ยี่ห้อเฟอร์รารี่ รุ่นแคลิฟอร์เนีย สีแดง 1 คัน รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลี่ย์ 2 คัน แบ่งเป็นรุ่น ฟลายอิ้ง สเปอร์ สีน้ำเงิน 1 คัน และ รุ่นเบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล จีที สีดำ อีก 1 คัน และรถยนต์ยี่ห้อ ฮัมเมอร์ สีดำ 1 คัน

พล.ต.ต.จิรภพ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อาชญากรรมเกี่ยวกับการโจรกรรมรถ ปัจจุบันพบว่า มีการลักลอบนำเข้ารถยนต์หรูซุปเปอร์คาร์ที่มีมูลค่าสูง จากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร โดยวิธีการลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ปลอมเอกสารสำแดงเอกสารเท็จ เมื่อผ่านเข้าราชอาณาจักรแล้วจะมีขบวนการ นำมาสวมซาก สวมทะเบียน ปลอมเอกสารให้ตรงกับรถที่ถูกต้อง แล้วนำมาออกขายในตลาด ซึ่งประชาชนผู้ที่มีความต้องการรถตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ได้สูญเงินจำนวนมาก และมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารของทางราชการปลอม และฐานรับซื้อของหนีภาษีศุลกากร และก็ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมาก

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า การตรวจยึดรถหรูครั้งนี้ กองปราบฯได้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมเกี่ยวกับการโจรกรรมรถยนต์ ซึ่งแบ่งการกระทำความผิดออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย แผนประทุษกรรมที่ 1.รถสวมซาก หรือการนำซากรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหติอย่างรุนแรงจนไม่สามารถนำกลับมาซ่อมใช้งานได้อีก ไปตัดต่ออะไหล่และหมายเลขตัวถังรถสวมใส่กับรถยนต์รุ่นเดียวกันหรือใกล้เคียงที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ประเภทที่ 2.การนำรถเก่าที่ได้มาจากการประมูลกรมศุลกากร มาทำการดัดแปลงสวมกับรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันแต่เป็นรุ่นที่ใหม่กว่า เพิ่มมูลค่าราคารถ ประเภทที่ 3 เป็นรถที่มีการปลอมแปลงเอกสารการนำเข้าของศุลกากร ประเภท ที่ 4 รถแฝด หรือรถที่มีการทำทะเบียนปลอมและปลอมเอกสารการครอบครองรถขึ้นมา โดยปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพบว่ามีการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งตามบ้านพัก และอู่รถซ่อมรถต่างๆ ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และ จ.ปทุมธานี จึงได้ทำการเข้าตรวจค้นจนพบรถของกลางดังกล่าว

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า ผลปฏิบัติการในรอบหกเดือนที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดรถยนต์หรูได้มากว่า 10 คัน มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ต่อจากนี้ก็จะตรวจสอบบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์ทั้งหมด หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เบื้องต้นสอบปากคำผู้ครอบครองรถถึงที่ไปที่มา บางรายมีก็ซื้อรถโดยบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ทราบมาก่อนว่ารถที่ซื้อมานั้นเป็นรถผิดกฎหมายที่ถูกดัดแปลงขึ้นมา ซึ่งเจ้าของรถกลุ่มนี้จะเปรียบเหมือนผู้เสียหาย แต่เจ้าของรถบางคันที่รู้ว่ารถที่ซื้อมานั้นเป็นรถผิดกฎหมาย ซึ่งต้องขอเวลาตรวจสอบหลักฐานต่างๆให้ชัดเจนก่อน ที่จะดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน