จับสาวแอดมิน เครือข่ายแม่มณี เพิ่มอีก 1 ราย! รับมอบอำนาจจาก ‘เดียร์’ เบิกเงินจำนวนมาก ตำรวจเผยยึดเงินอีก 5.5 ล้านบาท ทองคำ-แหวนเพชร เผยทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์
จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว แม่มณี หรือ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือ เดียร์ แม่ค้าขายตุ๊กตาออนไลน์ ชาว ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเงินออมในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 93 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามรถจับกุมตัวได้ และ คุมตัวไป จ.อุดรธานี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
- อ่านข่าว : แม่-เครือข่ายแม่มณี หอบเงินสดคืน 11 ล้าน อายัดเพิ่ม 27 ล้าน ขู่ใครเกี่ยวรีบแสดงตัว!
- อ่านข่าว : เปิดแล้ว ตู้เซฟแม่มณี งัดเกือบชั่วโมง หมายจับเพิ่มอีก 2 หลังไปถอนเงิน 23 ล้าน!
แถลงจับ เครือข่ายแม่มณี เพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 3 ราย
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี แถลงจับกุมเครือข่ายแม่มณีเพิ่มเติม คือ น.ส.สุพรรณี นิกรกุล หรือ แต๊ก อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ข้อหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแชร์แม่มณีเพิ่มอีก 1 ราย คือ น.ส.สุพรรณี ซึ่งเป็นแอดมินเพจอีกสายหนึ่ง และรับมอบอำนาจจากแม่มณีไปเบิกเงินจำนวนมาก พร้อมยึดเงิน 5.5 ล้านบาท ทองคำหนัก 10 บาท แหวนเพชร 2 วง โดยแหวนยืนยันว่า เป็นของแท้เพราะมีใบรับรอง
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
3 ผู้ต้องหาเครือข่ายแม่มณี
พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา เราได้จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายปิยะ ศีรีสุวรรณ อายุ 22 ปี และ น.ส.พรสวรรค์ ภูอินอ้อย อายุ 19 ปี ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การเป็นประโยชน์ โดยทั้ง 3 คน เป็นทั้งลูกจ้างและหุ้นส่วนของน.ส.วันทนีย์ โดยทั้งหมดรู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก
พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับยอดผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์ในคดีแม่มณี ขณะนี้มีทั้งหมด 274 ราย ส่วนยอดความเสียหายประมาณ 137 ล้านบาท ส่วนเงินทั้งหมดที่ยึดมาได้จะมีการลงบันทึกไว้ตามขั้นตอนกฎหมาย ก่อนที่จะมีการมอบสำนวนและเงินทั้งหมดให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปดำเนินการต่อไป
