ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี เตรียมงบ 3.3 หมื่นล้านบาท ช่วยคนดาวน์บ้านใหม่จ่ายเงินสดคืนให้ 5 หมื่นบาท เปิดลงทะเบียน 11 ธ.ค.นี้ พร้อมช่วยค่าเก็บเกี่ยวครัวเรือนละ 1 หมื่นบาท

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2562 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 ประกอบด้วยชุดมาตรการ 3 ชุด คือ 1.มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ในโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” โดยรัฐบาลจะช่วยผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาทต่อราย ผู้มีสิทธิ์ต้องมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำกัดจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ จำนวน 100,000 ราย ใครมาก่อนได้ก่อน ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2562 – 31 มีนาคม 2563

ทั้งนี้ ผู้ที่ซื้อที่มีการซื้อและทำนิติกรรมบ้านแล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.2562 มีสิทธิ์ได้รับเงินดาวน์คืน แต่จะต้องไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ WWW.บ้านดีมีดาวน์.COM ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป และจะต้องลงทะเบียนให้ทันใน 100,000 รายถึงจะได้เงินดาวน์คืน ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนหลังวันที่ 11 ธ.ค.2562 จะต้องรอ SMS ยืนยันสิทธิ์จากกรมการปกครองและกรมสรรพากร และนำเอสเอ็มเอสไปขอยื่นกู้ เพื่อรับเงินดาวน์คืน

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

โครงการนี้ให้สิทธิ์กับผู้ยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับทุกธนาคารทั้งเฉพาะกิจของรัฐและพาณิชย์ แต่กำหนดให้เป็นบ้านใหม่ที่ซื้อจากผู้ประกอบการเท่านั้น ซึ่งมีเหลืออยู่ในระบบ 270,000 ยูนิต โครงการนี้จะใช้เงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการคืนเงินผ่านพร้อมเพย์ มีธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นผู้ดำเนินการคืนเงินให้

นายอุตตมกล่าวว่า มาตรการชุดที่ 2.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท จะมีครัวเรือนที่ได้รับสิทธิ์ 4.57 ล้านครัวเรือน โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือจนถึง 30 ก.ย.2563 ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเป็นผู้ดำเนินการทดรองจ่ายให้ก่อน 28,000 หมื่นล้านบาท และรัฐบาลจะตั้งงบประมาณมาชดเชยในภายหลัง

สำหรับมาตรการชุดที่ 3.เพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มี 3 โครงการย่อย คือ 1.จัดสรรเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติภายใต้วงเงินรวม 14,348 ล้านบาท ใช้ลงทุน เช่น ยุ้งฉางชุมชน โรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงสีชุมชน โรงงานผลิตปุ๋ยประจำชุมชน การจัดทำแหล่งเก็บน้ำชุมชน เครื่องจักรสำหรับแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น

2.โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเป็นค่าลงทุนในการดำเนินกิจการและเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 ถึงวันที่ 30 พ.ย.2565 และ 3.โครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ โดยจะพักเงินต้นเป็นเวลา 1 ปี ใช้งบประมาณจากกองทุนหมู่บ้าน ไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐ

นายอุตตมกล่าวว่า มาตรการทั้งหมดจะใช้เงินงบประมาณ 33,000 ล้านบาท จากโครงการบ้านดีมีดาวน์ และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว แต่จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 80,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในไตรมาส 4/2562 ขยายตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3/2562 ที่ขยายตัวได้ 2.4%

แต่จะขยายตัวได้เท่าไหร่ ของประเมินผลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลจะติดตามภาวะเศรษฐกิจต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง กระทบกับเศรษฐกิจไทย ทำให้มีความเสี่ยง ดังนั้น จึงต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากภายนอกประเทศ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน