จ่อรื้อรถ ‘บิ๊กโจ๊ก’ หาหัวกระสุนเพิ่ม เช็กวงจรปิดย้อนหลัง 15 วัน ล่าตัวมือยิง เผยถูกยิง 8 นัด วิถีกระสุนเฉียงลงในระยะประชิด สอบพยานไปแล้ว 6 ปาก

กรณีคนร้ายยิงรถยนต์ ยนต์ ยี่ห้อเล็กซัส สีขาว ทะเบียน 9 กจ351 กรุงเทพมหานคร ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านอาการ บนถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก โดยมีรายงานว่า ขณะที่เกิดเหตุพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่ได้อยู่ภายในรถ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

บิ๊กโจ๊ก / เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (พฐ.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาประชุมความคืบหน้าและสังเกตการณ์ตรวจรถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. ซึ่งถูกคนร้ายจำนวน 2 คนใช้อาวุธปืนยิงใส่ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. บริเวณซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหนีไป

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สอบพยานที่เกี่ยวข้อง และเร่งสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์รถยนต์คันที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืนยิง จำนวน 8 นัด ที่บริเวณข้างตัวรถทางซ้าย บริเวณประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด และพบหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 2 หัว โดยหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) นำรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์

ทั้งนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานทั้งพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่สอบสวน มีผกก.สน.บางรัก เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้ควบคุมดูแล และมีรอง ผบช.น. รับผิดชอบงานสอบสวนลงไปเป็นพี่เลี้ยงคอยกำกับดูแล ส่วนการสืบสวนระดับสถานีตำรวจ รับผิดชอบสถานที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง หาพยานบุคคล วัตถุพยาน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ในระดับกองกำกับการสืบสวน บก.น.6 คอยดูภาพรวมพยานหลักฐานที่ปรากฎ

ส่วนบก.สส. จะใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการสืบสวน ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร และเพื่อให้กระบวนการของการสืบสวนสอบสวนเป็นไปโดยปราศจากข้อสงสัย และให้ทิศทางข่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เป็นผู้ให้ข่าวเพียงผู้เดียว ส่วนข้อมูลผลการตรวจวิทยาศาสตร์ ให้ พล.ต.ท.วิเชียร เป็นหลัก ในระดับตร.ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ให้ข้อมูล

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่เกิดเหตุยังพบหัวกระสุนปืนเพียง 2 หัว จึงเก็บผลไปเทียบเคียงทางนิติวิทยาศาสตร์ พิสูจน์หลักฐานเรียกว่าระบบ ibis ระบบนี้จะตรวจสอบจากหัวกระสุน เกลียวกระสุน จึงต้องรื้อรถของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพื่อตรวจหาหัวกระสุนที่คาดว่าจะตกอยู่ในรถเพิ่มเติม เพื่อหาเอกลักษณ์ของกระบอกปืนที่ใช้ยิง

และยังต้องตรวจสอบภาพจากวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ 7-15 วัน และภาพหลังเกิดเหตุ เพื่อเร่งติดตามคนตัวร้ายมาดำเนินคดี ขณะนี้สอบพยานไปแล้วกว่า 6 ปาก ยังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนหรือไม่ แต่จากวิถีกระสุนพบว่าเป็นการยิงเฉียงลงในระยะประชิด ยืนยันว่าทุกฝ่ายจะทำงานอย่างเต็มที่ไม่ปล่อยให้คดีเงียบไปกับสายลม

“คดีดังกล่าวเป็นลักษณะของเรื่องใหญ่คนเล็ก เรื่องเล็กคนใหญ่ ผู้ประสบเหตุก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงกำชับให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ให้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โดยหากเกิดเหตุต้องติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้โดยเร็ว ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยความรอบครอบ รวดเร็วเป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ที่ก่อหตุเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักลงทุน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน