เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ พล.ต.ต.พนมพร อิทธิประเสริฐ พล.ต.ต. บุญลือ กอบางยาง พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.สรพล สรสกุลชัย รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.วรวัฒน์ มะลิ พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.อุดรธานี

ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็ม ได้ตัวผู้ต้องหา 2 คน คือ นายพลธวัช หรือโจ้ โคมทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 ม.2 ต.น้ำจั่น อ.เซกา จ.บึงกาฬ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง และนายบี นามสมมติ อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นหลานชาย พร้อมด้วยของกลาง มี 1.เงินสด จำนวน 1,123,000 บาท 2.รถยนต์ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีบอร์นเงิน ทะเบียน ผฉ4910 อุดรธานี จำนวน 1 คัน 3.ชะแลง ขนาดความยาว 70 เซนติเมตร จำนวน 1 อัน

4.ถังแก๊ส ถังลม ชุดสายแก๊สพร้อมหัวเป่า 1 ชุด 5.เสื้อผ้าของผู้ต้องหาที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ 6.รถจักรยานยนต์ 2 คัน 7.ตู้เย็น ยี่ห้อชาร์ป 1 เครื่อง 8.เครื่องซักผ้า ยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง 9.โทรทัศน์สีแบบจอแบน ขนาด 32 นิ้ว 1 เครื่อง 10.เอกสารการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน มูลค่า 500,000 บาท 1 ชุด 11.โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง 12.สร้อยคอทองคำ 2 สลึง 2 เส้น แหวนทอง 1 สลึง 1 วง มูลค่าประมาณ 40,000 บาท

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร”

พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า จากกรณี วันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.แดนชัย มูลป้อม สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้แก๊สตัดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าโรงเรียนบ้านเลื่อม ถนนอุดรธานี-บ้านเชียงยืน ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยชุดสืบสวน และชุดพิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุเป็นตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ตั้งอยู่ข้างถนนภายในรั้วโรงเรียนบ้านเลื่อม หน้าอาคารห้องสมุด

จากการตรวจสอบคนร้ายใช้แก๊สตัดประตูตู้เซฟ ด้านหลังของตู้เอทีเอ็ม แล้วทำการสะเดาะลูกกุญแจล็อคทั้ง 2 ตัว ซึ่งด้านหลังตู้เอทีเอ็ม มีร่องรอยตัดสายสัญญาณแจ้งเตือนภัย และที่ประตูเซฟมีร่องรอยใช้แก๊สตัดกล่องใส่เงินสด มีกล่องที่ 3 และ ที่ 4 ถูกไฟเป่าเป็นรอยไหม้ ซึ่งทั้งสองกล่องใส่เงินเอาไว้ประมาณกล่องละ 1 ล้านบาท และยังมีอุปกรณ์ในตู้เอทีเอ็มหลุดออกมาบางส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย

เบื้องต้น สอบสวน น.ส.จันทร์ทิพย์ ศรีชัยรุ่งโรจน์ ผจก.ศูนย์บริหารและจัดการธนาคารกรุงไทย จ.อุดรธานี ให้การว่า ได้รับแจ้งจากทางธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ ว่าสัญญาณตู้เอทีเอ็มในโรงเรียนบ้านเลื่อม อ.เมืองอุดรธานี หายไปช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 9 มิ.ย. เมื่อทราบข่าว จึงเดินทางมาตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่จึงพบว่ามีการตัดเจาะตู้เอทีเอ็ม โดยยังไม่ทราบว่าคนร้ายจะได้เงินไปหรือไม่ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า มีสัญญาณเตือนไปยังธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลตู้เอทีเอ็ม มาตรวจสอบในช่วงเช้า ซึ่งพบว่ากุญแจที่ล็อคประตูรั้วโรงเรียนถูกคนร้ายตัด และกุญแจที่ล็อคประตูเหล็กที่ด้านหลังตัวตู้เอทีเอ็มถูกสะเดาะออกทั้ง 2 ลูก ประตูตู้เอทีเอ็มมีรอยถูกใช้แก๊สตัดเป็นช่องและมีกล่องใส่เงิน 5 กล่อง ปกติจะใส่เงินรวมทั้งหมดประมาณ 3-4 ล้านบาท มี 2 กล่องที่บรรจุธนบัตรใบละ 1,000 บาท มีรอยไหม้จากถูกไฟเป่าเป็นช่องเพื่อจะใช้มือล้วงเข้าไปหยิบเงิน ซึ่งยังระบุไม่ได้ว่าเงินหายไปเท่าไร โดยประมาณว่าเกือบ 2 ล้านบาท

หลังจากนั้นได้ สั่งการให้ชุดสืบสวนที่รับผิดชอบในพื้นที่ จ.อุดรธานี ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.สส.ภ.4, พ.ต.ท.ณัฐพล มุงคำภา สว.สส.ฯ, พ.ต.ต.สมภพ กองสมบัติ สว.สส.ฯ และชุดสืบสวน กก.1 บก.สส.ภ.4 ลงพื้นที่เก็บหลักฐานทุกชิ้นที่มีความสำคัญในการสืบสวนจับกุมคนร้าย

กระทั่งได้หลักฐานมีลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย ร่องรอย รถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะคนร้ายใช้ขับมาก่อเหตุและหลบหนีเป็น รถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ผฉ4910 อุดรธานี ทำให้การสืบสวนแคบลง รู้ตัวผู้ครอบครองรถ คือนายนายพลธวัช หรือโจ้ โคมทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 ม.2 ต.น้ำจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ โดยการสืบสวนยังทราบมาว่านายพลธวัช หรือโจ้ โคมทอง นั้นมาทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี นานแล้ว และมีบ้านพักอยู่ในเขต ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

พล.ต.ต.ยรรยง กล่าวต่อว่า ชุดสืบสวนได้แกะรอยคนร้ายไปจนทราบแหล่งที่พักอาศัย และทราบว่าคนร้ายไปซื้อรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า มาจำนวนหลายแสนบาท กระทั่งเมื่อวานนี้ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.กุมภวาปี พบผู้ต้องหาทั้งสองคนอยู่ในบ้าน และตรวจค้นพบเงินสดจำนวน 1,123,000 บาท และอุปกรณ์ถังแก๊ส หัวตัดแก๊ส เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และยังมีรถจักรยานยนต์ยนต์ บิ๊กไบค์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ทีวี โทรศัพท์มือถือ ที่เพิ่งไปซื้อมา โดยใช้เงินที่ขโมยมาได้และใช้จ่ายหมดไปประมาณร่วม 9 แสนบาท

เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า มีความกดดันจากการทำงานที่เป็นหนี้มากมาย และถูกไฟแนนซ์ตามทวงยึดรถกระบะคืน จึงหาทางออกด้วยการไปชักชวนหลาน อายุ 16 ปี เพื่อมาร่วมก่อเหตุ หลังไดงินมาก็มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้าน แล้วนำเงินมาแบ่งกันไปซื้อของใช้ดังกล่าว และเงินส่วนที่เหลือยังไม่ได้แบ่งกัน ก็มาถูกจับได้เสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาอายุเพียง 16 ปี ที่ร่วมก่อเหตุ มีนามสกุลพ้องคนมีชื่อเสียงหลายคนของภาคอีสาน โดยเหตุการณ์ที่คนร้ายใช้แก๊สตัดตู้เอทีเอ็มที่หน้าโรงเรียนบ้านเลื่อม ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งวก่อนเกิดเหตุช่วงปี 2557 ซึ่งครั้งนั้นคนร้ายไม่ได้เงินไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ โดยไปก่อเหตุอีกหลายตู้ ได้เงินไปจำนวนหนึ่ง ผู้ต้องหาทั้งหมดยังถูกคุมขังในเรือนจำ และเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ตู้เอทีเอ็มหน้าโรงเรียนเทศบาล 3 บ้านเหล่า เขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้ถูกคนร้ายใช้แก๊สตัดที่ด้านหลังตู้ แต่แก๊สหมดก่อนคนร้ายไม่ได้เงินไปแม้แต่บาทเดียว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน