พ่อ-แม่ “พลทหารรชฏ” ไม่เชื่อลูกคิดสั้น ปลิดชีพคาค่าย เนื่องจากเป็นคนร่าเริง กลัวเจ็บ แถมสมัครใจรับราชการเอง ไม่มีทางเป็นโรคซึมเศร้า เผยพบพิรุธสำคัญ!

จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาตั้งคำถาม ถึงกรณีที่มี ‘พลทหาร’ เสียชีวิตปริศนา 3 รายในสัปดาห์เดียว ตามที่ได้้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย

1 พ.ย. 63 พลทหารรชฏ ผูกคอเสียชีวิต สังกัดมลฑลทหารบกที่ 23 จังหวัดขอนแก่น
6 พ.ย. 63 พลทหารพิชวัฒน์ ผูกคอเสียชีวิต สังกัดมณฑลทหารบกที่ 27 จังหวัดร้อยเอ็ด
6 พ.ย. 63 พลทหารสถาพร หัวใจล้มเหลว สังกัดมณฑลทหารบกที่ 36 จังหวัดเพชรบูรณ์

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 12 พ.ย. 2563 ที่ สภ.ย่อยศิลา ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสุรชัย เสนาสนิท อายุ 43 ปี และ น.ส. อุลัย เตื่อยมา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 บ้านโนนสวรรค์ หมู่ 1 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ พลทหารรชฏ เสนาสนิท อายุ 21 ปี

นำเอกสาร หลักฐานต่างๆ ทั้งแชททั้งพูดคุยกันกับครอบครัวและเพื่อน รวมถึงใบรับรองการเสียชีวิตเดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.อนุชิต ผดุงชาติ หน.สภ.ย่อยศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามการนัดให้ปากคำของทางเจ้าหน้าที่

นายสุรชัย เสนาสนิท อายุ 43 ปี กล่าวว่า ครอบครัวมีลูกเพียงคนเดียว คือนายรชฏ เสนาสนิท อายุ 21 ปี ซึ่งลูกชายได้สมัครใจเข้าเป็นทหารที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น (มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์) โดยได้เข้าฝึกเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อฝึกทหารครบเรียบร้อยก็มีการลาพัก จึงมารับลูกชายกลับไปพักที่บ้าน และกลับมาส่งลูกชายด้วยตัวเอง

ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. ค่าย ได้โทรมาแจ้งว่าลูกผูกคอตายในกระท่อมกลางน้ำที่อยู่ในเรือนจำของค่าย จึงรีบไปดูศพลูกชาย ที่ห้องเก็บศพ รพ.ศรีนครินทร์ มข. เห็นเลือดที่หน้าผาก ที่แขน และผ้าขาวม้าที่ผูกคอลูกชาย ซึ่งไม่ใช่ของลูก

“จากภาพที่เห็นทำให้สงสัยการตายอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสาเหตุการตายที่แท้จริง เพื่อความเป็นธรรมกับครอบครัว ซึ่งลูกเป็นคนร่าเริง กลัวเจ็บ เป็นคนขี้กลัว ไม่กล้าทำตัวเอง และไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า และไม่คิดว่าลูกจะทำตัวเองและฆ่าตัวเองตายตามที่ทางค่ายทหารแจ้งมา เพราะก่อนจะเสียชีวิตลูกชายได้ฝึกเสร็จก็ลากลับบ้าน 10 กว่าวัน

โดยผมมารับลูกชายที่ค่าย เมื่อวันที่ 12 ต.ค. และเป็นคนมาส่งลูกเอง และในวันที่ 31 ต.ค.ยังได้คุยแชทกับลูกชายอยู่ ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงไม่มีความเป็นไปได้เลยว่า ลูกจะเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย เพราะเชื่อว่าถ้าลูกมีอะไรลูกต้องคุยกับพ่อแม่

โทรศัพท์ก็มีแชทคุยกันบ่อยๆ แต่ก่อนตาย ลูกชายไม่มีอะไรบ่งบอกที่เป็นลางสังหรณ์ว่าลูกจะตายหรือลาตาย จนกระทั่งค่ายแจ้งมาว่าลุกชายเสียชีวิต และนำศพไปส่งผ่าพิสูจน์ โดยที่ครอบครัวยังคงไม่ได้ยินยอมหรือดำเนินการใดๆ”

นายสุรชัย กล่าวต่ออีกว่า ถ้าลูกชายไม่อยากเป็นทหาร ลูกคงไม่สมัครใจเข้ามาเป็นทหาร แต่นี่ลูกชาย สมัครเข้ามาเป็นทหารเอง จึงไม่เชื่อว่า ลูกชายจะฆ่าตัวตาย

ส่วนกรณีที่ลูกชายคุยแชทกับเพื่อนรุ่นพี่คนสุดท้ายนั้น ขณะนี้ได้พูดคุยกับเพื่อนคนดังกล่าวแล้ว ทราบว่า ในคืนก่อนที่จะพบศพลูกชายนั้นเพื่อนรายดังกล่าว บอกว่าในคืนที่พบศพนั้นมีอาการปวดท้อง จึงเดินเข้าห้องน้ำ มองเห็นน้องยืนอยู่ที่ศาลาจุดเกิดเหตุ เมื่อเข้าห้องน้ำเรียบร้อยจึงเดินไปดูน้องก็พบว่าน้องผูกคอตายแล้ว จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบ

“ในส่วนของการชันสูตรพลิกศพและการตรวจพิสูจน์วัตถุต่างๆที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั้น คงต้องรอผลการพิสูจน์ต่างๆ โดยครอบครัวเชื่อมั่นในตัวของแพทย์สถาบันนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จึงได้ทำการเผาศพเรียบร้อยแล้ว

และขณะนี้ครอบครัวรอเพียงผลพิสูจน์ ทั้งอาวุธมีด รอยเลือดและดีเอ็นเอในผ้าขาวม้า รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และเชื่อว่าจะเกิดความยุติธรรมให้กับลูกชายและครอบครัว”

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของผู้ตายที่ อ.บ้านไผ่ พบตายาย และญาติพี่น้องอยู่ภายในบ้าน โดยนางรำไพ เตื่อยมา อายุ 71 ปี ยายของผู้ตาย กล่าวว่า ครอบครัวทุกคนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ว่าหลานชายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

เพราะหลานมีนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี พูดคุยหยอกล้อเล่นกับเพื่อนๆในหมู่บ้านมาตลอด ไม่เคยเห็นเก็บตัวเงียบคนเดียว เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ครอบครัวไม่เชื่อ เพราะมีพิรุธหลายอย่าง ทั้งการนำศพส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์เพื่อผ่าพิสูจน์โดยไม่แจ้งญาติให้รับทราบก่อน

ทั้งยังพบรอยแผลถูกของมีคมจิ้มที่ข้อมือด้านซ้าย บอกว่าหลานเอามีดปลอกผลไม้จิ้มข้อมือตัวเอง ซึ่งยิ่งทำให้ไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่าหลานไม่กล้าทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดชัดเจนกว่านี้


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน