ป.ป.ส.แจ้งความ ยึดยาเคเป็นไตรโซเดียมฟอสเฟต ยันไม่สลับของกลาง ตร.จ่อชงอธิบดีอัยการตั้งคณะสอบสวน ลุยตรวจของกลางที่เหลือ 24 พ.ย.นี้

กรณีเจ้าหน้าที่บุกจับสารเสพติดยาเคในโกดังพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นพบสารต้องสงสัยเป็นยาเค 475 กระสอบ น้ำหนักรวม 11.5 ตัน มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท ต่อมาถูกแกนนำชุมนุมปราศรัยตั้งข้อสังเกตคดีไม่คืบ และของกลางอาจอยู่ไม่ครบ จากนั้นเลขาธิการ ป.ป.ส.พาสื่อเข้าไปดูของอยู่ครบ แต่ผลตรวจชุดแรก 60 กระสอบพบไม่ใช่ยาเค แต่เป็น ‘ไตรโซเดียมฟอสเฟต’ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ซึ่งมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน พร้อมเร่งตรวจสอบของกลางที่เหลือว่าเป็นยาเค หรือสารอื่น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 23 พ.ย.63 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.เดินเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.ให้ดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการส่งออกเคตามีนไปยังไต้หวันกว่า 300 กิโลกรัม หลังไปยึดเคตามีนที่โกดังใน จ.ฉะเชิงเทรา กว่า 11.5 ตัน มูลค่านับ 20,000 ล้านบาท แต่กลับพบว่าเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟตที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ

อ่านข่าวคดีจับใหญ่11.5ตัน ‘ยาเค’วุ่น ตรวจชุดแรกมีแค่‘เคมี’

อ่านข่าว สุดมึน! ของกลาง 11.5 ตัน ยึดจากโกดังบางปะกง พบบางส่วนไม่ใช่ยาเค

นายวิชัย กล่าวว่า วันนี้นำเอกสารที่ได้รับจากไต้หวันจับกุมเคตามีนไว้ได้ 300 กิโลกรัม มาแจ้งความเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการลอบส่งเคตามีนไปยังไต้หวัน ซึ่งบุคคลรายนี้อยู่ในประเทศไทย ได้เช่าโกดังเพื่อเก็บเฟอร์นิเจอร์ แต่เมื่อตรวจค้นกลับเป็นที่เก็บสารเคมี ขอชี้แจงถึงกรณีที่ตรวจสอบเคตามีนกว่า 11.5 ตันแล้วพบว่ามีบางส่วนเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต เบื้องต้นพบว่าสารเคมีทั้ง 2 ชนิด มีลักษณะภายนอกเหมือนกัน

ทั้งนี้ขณะตรวจค้นที่โกดังพบของกลาง 66 กระสอบถูกเปิดอยู่ ที่เหลือ 406 กระสอบยังเย็บปากถุงปิดไว้ เมื่อตรวจสอบด้วยน้ำยาเคมีกับกระสอบที่เปิดไว้แสดงผลออกมาเป็นสีม่วง จึงเชื่อว่าเป็นเคตามีนตามที่ไต้หวันจับกุมได้จากต้นทาง

จากนั้นก็ร่วมกับบช.ปส.นำของกลางไปเก็บไว้ที่ ป.ป.ส.ภาค 1 โดยเช่ารถบรรทุกขนของกลางไว้ 2 คัน และมีขบวนรถจากหลายหน่วยงานคอยคุ้มกันและแวะเติมน้ำมันที่เดียว ยืนยันไม่มีการสับเปลี่ยนของกลาง

นายวิชัย กล่าวว่า ต่อมาเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าสารเคมีดังกล่าวคือไตรโซเดียมฟอสเฟต ซึ่งไม่เคยพบว่าก่อนว่าสารตัวนี้จะแสดงผลเป็นสีม่วง โดยในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) เวลา 09.30 น. นักวิทยาศาสตร์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญของ ป.ป.ส.จะเข้าตรวจพิสูจน์สารเคมีของกลางทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่ ป.ป.ส.ภาค 1 แต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วัน จึงจะทราบว่าของกลางที่เหลือเป็นยาเสพติดหรือไม่

นายวิชัย กล่าวชี้แจงว่า สาเหตุที่การตรวจสอบล่าช้านั้น แต่แรกที่ไต้หวันจับกุมตรวจยึดของกลางได้วันที่ 23 ต.ค. ก่อนส่งเอกสารให้ไทยลงวันที่ 29 ต.ค. และ ป.ป.ส.รับเรื่องวันที่ 2 พ.ย. จึงจะสืบสวนหาข้อมูลถึงวันที่ 12 พ.ย. แล้วเข้าตรวจค้นโกดัง พร้อมทำบันทึกการเข้าตรวจค้น ซึ่งผลการทดสอบสารเคมีที่ พบเบื้องต้นพบเป็นเคตามีนจึงบันทึกเป็นสารคล้ายเคตามีนทุกรายการ โดยมีพยานนำตรวจค้นและตำรวจท้องที่ได้สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ พฐ.เก็บหลักฐานเป็นที่เย็บปิดปากถุง พร้อมประสานประเทศต้นทางเก็บหลักฐานใบส่งสินค้าและอื่นๆ ซึ่งจะนำมามอบให้ บช.ปส.ภายหลัง

พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า บช.ปส.ได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงจากทั้งพยานหลักฐาน บุคคล และเอกสาร เบื้องต้นรับคำร้องทุกข์ไว้พิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน

แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีระหว่างประเทศที่เชื่อมโยงกับประเทศไทย ฉะนั้นการสอบสวน บช.ปส. ต้องเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประสานอธิบดีอัยการตั้งคณะทำงานสอบสวน เพื่อติดตามกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านของยาเสพติดต่อไป ทั้งนี้พบว่าเคตามีนไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทย แต่เป็นทางผ่านเพื่อไปสู่ประเทศที่ 3

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน