หนุ่มอดรฯ กลับจากประเทศอังกฤษ ขาดยา โรคประจำตัวกำเริบ คว้ามีดปาดคอย่าดับคาบ้าน ก่อนคลั่งไล่แทงหมดนวด-ยิงผู้ช่วยพยาบาลปางตาย

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 ม.ค.2564 ร.ต.อ.ศักดา บุญก้อน ร้อยเวร สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุมีการใช้มีเฆ่าปาดคอ ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, เจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และมูลนิธิส่งเสริมธรรม

ที่เกิดเป็นบ้าน 2 หลังติดกัน ภายในบ้านพบศพ นางอนงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 66 ปี ภรรยาเจ้าของบ้าน สภาพสวมเสื้อกันหนาวสีน้ำตาล นุ่งกางเกงวอร์ม สวมถุงเท้าสั้น โดนของมีคมปาดคอเป็นแผลยาวและลึกนอนหงายเสียชีวิต

ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายกิตติภัฏ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี หลานชายของเจ้าของบ้าน ซึ่งขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ ทะเบียน 1กฎ9152 อุดรธานี หลบหนีไปพร้อมมีดและปืน ขนาด 11 มม. และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งแล้ว

หนุ่มอดรฯ กลับจากประเทศอังกฤษ ขาดยา โรคประจำตัวกำเริบ คว้ามีดปาดคอย่าดับคาบ้าน

หนุ่มอดรฯ กลับจากประเทศอังกฤษ ขาดยา โรคประจำตัวกำเริบ คว้ามีดปาดคอย่าดับคาบ้าน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีคนถูกแทงที่ร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ 400-500 เมตร โดยผู้บาดเจ็บชื่อ น.ส.อารียา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ซึ่งได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือที่ร้านสะดวกซื้อ

จากนั้น นายกิตติภัฏได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับแจ้งอีกว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้ไปยิง นางศิริรัคต์ (สงวนนามสกุล) ผู้ช่วยพยาบาลของโรงพยาบาลวัฒนา ริมสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งอยู่ห่างบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร และ รปภ.โรงพยาบาลได้ควบคุมตัวคนร้ายได้แล้ว

พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายขจรศักดิ์ และนางอนงค์ ซึ่งเป็นปู่และย่าของนายกิตติภัฏ ส่วนนายกิตติภัฏอยู่กับพ่อแม่ที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่เล็ก ก่อนเกิดเหตุเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมปู่ย่าที่บ้านดังกล่าว และที่เกิดเหตุก็พบยาอยู่เป็นชุดจำนวนมาก ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าเป็นยารักษาในกลุ่มโรคประสาท

สอบสวนทราบต่อว่า นายกิตติภัฏมีอาการทางโรคประสาท ได้รับประทานยามาตลอด และไปรับยาครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลศูนย์ฯ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่ออยู่ที่อุดรฯ ย่าก็เป็นคนให้รับประทานยามาตลอด

ซึ่งในแผงยาก็พบว่ามีการแกะกินบ้างแล้ว และจากดูที่ผู้ก่อเหตุรับยามาก็เป็นวันที่ 3 แล้ว ก็พบยาเป็นจำนวนมาก คิดว่าคงต้องรับยามาเป็นช่วง ๆ เพราะดูแล้วยาที่ใช้ระยะยาว และแพทย์ที่มาชันสูตรศพก็บอกว่า ยาเหล่านี้ต้องกินเป็นประจำ และผู้ป่วยกินเองได้

ของกลางที่ตรวจยึดได้

ของกลางที่ตรวจยึดได้

พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุครั้งนี้คาดว่า คงไม่ได้กินยา แล้วก่อนเกิดเหตุคนร้ายทราบว่าย่าเก็บปืนของปู่ไว้ จึงสอบถามย่าขณะที่ปู่ไปตกปลาที่บ่อปลาในตอนเช้า เมื่อย่าไม่ให้ก็เกิดมีอารมณ์ จึงใช้มีดแทงย่า ประมาณ 10 แผล เข้าจุดสำคัญคือที่ลำคอที่โดนอาวุธมีดปาด ทำให้เสียชีวิตแล้วแย่งปืนของปู่ไป ขณะนี้ต้องตั้งข้อหาเบื้องต้นว่า “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา”

พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ใช้ปืนยิงผู้คนข้างนอก ตนจะไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยดูพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่ามีลักษณะอย่างไรหรือไม่ ก็เช่นเดียวกันกับผู้บาดเจ็บอีกคนที่ถูกมีดและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ฯ ซึ่งตอนนี้ก็ตั้งข้อหานี้ไปก่อน และต้องขังเดี่ยวด้วย เพื่อป้องกันการทำร้ายผู้อื่น ส่วนการเสียชีวิตของนางอนงค์นั้น แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตมา 3-5 ชั่วโมง

พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ต้องหานั้นจากการสอบถามในเบื้องต้น พอพูดจากันรู้เรื่อง แต่ยังไม่อยากพูด ถามแล้วไม่ค่อยตอบ ตนจึงบอกว่าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปตรวจร่างกายเพราะมีเลือดติดร่างกายเขาอยู่ ก็เป็นหลักฐานอันหนึ่ง ส่วนอาการของผู้ต้องหาโดยทั่วไปยังตาแข็ง ตาขวางอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน