ตำรวจ โคกคราม รวบหนุ่มคาห้องพัก หลังก่อเหตุ จี้ชิงทรัพย์ แอร์สาว คาลานจอดรถตลาดนัดเลียบด่วน ในพื้นที่กรุงเทพฯ เจ้าตัวรับสารภาพ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 17 มี.ค.2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศรีสันต์ เฟื่องสังข์ ผกก.สน.โคกคราม พร้อมด้วย พ.ต.ท.สยมภู กุลจิตติสิโรดม รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม ร่วมกันนำกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม จับกุมตัว นายเมีย มน อายุ 23 ปี สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหาก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์แอร์โฮสเตสสาว พร้อมเสื้อผ้าสวมใส่ในวันก่อเหตุ และกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล โดยสามารถจับกุมได้บริเวณซอยร่วมมิตรพัฒนา แยก 2 ถนนร่วมมิตรพัฒนา ย่านวัชรพล กรุงเทพฯ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

ตำรวจ โคกคราม รวบหนุ่มคาห้องพัก หลังก่อเหตุ จี้ชิงทรัพย์ แอร์สาว คาลานจอดรถตลาดนัดเลียบด่วน

ตำรวจ โคกคราม รวบหนุ่มคาห้องพัก หลังก่อเหตุ จี้ชิงทรัพย์ แอร์สาว คาลานจอดรถตลาดนัดเลียบด่วน

จากกรณีสาวผู้เสียหายเป็น แอร์โฮสเตส โพสต์ถูกคนร้ายเป็นชายบุกเข้ามาในรถยนต์ส่วนตัว แล้วใช้มือบีบคอ ข่มขู่บังคับให้ส่งทรัพย์สินมาให้ ก่อนที่หญิงสาวจะขัดขืนและเปิดประตูรถลงมาร้องขอความช่วยเหลือ จนคนร้ายวิ่งหนีไป เหตุเกิดในลานจอดรถ ใกล้ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 00.35 น.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและบริเวณใกล้เคียงมาอย่างต่อเนื่อง พบว่าที่ซอยร่วมมิตรพัฒนา แยก 2 ถนนร่วมมิตรพัฒนา ย่านวัชรพล พบชายวัยรุ่นซึ่งมีตำหนิรูปพรรณและลักษณะเหมือนกับคนร้ายที่ก่อเหตุที่ภาพจากกล้องวงจรปิด จึงได้ไปทำการตรวจสอบ

กระทั่ง พบชายวัยรุ่นรายนี้เดินภายในซอยร่วมมิตรพัฒนา แยก 2 มีลักษณะเหมือนคนร้ายที่ก่อเหตุ จึงแสดงตัวเมื่อทำการสอบถามพบว่าเป็นชาวกัมพูชาสามารถถามตอบภาษาไทยได้ จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทางซึ่งไม่มีมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.โคกคราม

พ.ต.อ.ศรีสันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า หลบหนีเข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว โดยเดินทางเข้ามาทางด้าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ผู้หญิงในรถยนต์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถของตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทราจริง

จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนในคดีที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ ต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายและชี้ตัวยืนยันอีกครั้ง จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน