ราชทัณฑ์ตั้งโต๊ะแจง ปมจดหมาย ‘อานนท์’ เผยเหตุเข้ากลางดึก ไปตรวจหาโควิด เป็นแนวปฎิบัติ ยึดหลักสิทธิมนุษยชน หาเกลือแร่ให้ ‘เพนกวิน’ หลังประท้วงอดอาหาร

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 มี.ค.64 ที่อาคารกรมราชทัณฑ์ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รอง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายบริหาร นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รอง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฎิบัติการ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา และนายกฤช กระแสร์ทิพย์ รอง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายวิชาการ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีกลุ่มแกนนำคณะราษฎรที่ถูกควบคุมตัว นำโดย นายอานนท์ นำภา ทำหนังสือร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครคุกคาม และแยกคุมขังในเวลายามวิกาลจนเกรงว่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต

ดร.อายุตม์ กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางกรมราชทัณฑ์ได้รับตัวผู้ต้องขังรวม 3 ราย จากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนคัดแยกเข้าห้องกักโรคภายในแดนกักกันที่ 2 เพื่อตรวจสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแท้จริงเป็นหลักการและลำดับขั้นตอนของการตรวจหาสารคัดหลั่งก่อนนำตัวผู้ต้องขังไปยังเรือนจำตามปกติ แต่ทางผู้ต้องขังไม่ยินยอมให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจสอบแม้แต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่ศาลอาญาฯ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้ประกาศประท้วงอดอาหารภายในเรือนจำโดยประสงค์ที่จะดื่มเพียงแต่น้ำ น้ำหวาน และเกลือแร่เท่านั้น โดยเบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อจัดหาเกลือแร่ให้ จำนวน 6 ซอง รวมถึงจัดนมเพิ่มเติมไปให้อีกด้วย พร้อมทั้งติดตั้งวงจรปิดภายในห้องขังของผู้ต้องขังเพื่อสังเกตอาการ และป้องกันการทำร้ายตนเอง อีกทั้งได้จัดเตรียมความพร้อมโดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และนักจิตวิทยา เข้าไปตรวจอาการและดูแลอย่างใกล้ชิดทุกวัน

ดร.อายุตม์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีเฟซบุ๊กชื่ออานนท์ นำภา ได้เผยแพร่จดหมายข้อมูลที่ระบุว่าในเวลา 21.30 น. ถูกเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวออกนอกแดนพร้อมผู้ต้องขังอีก 2 ราย ตนขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทางเจ้าหน้าที่เพียงแค่นำตัวไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เท่านั้น และไม่มีการทำร้ายร่างกายแม้แต่อย่างใด ในส่วนนี้ทางกรมราชทัณฑ์ของเรียนว่า แนวทางการปฎิบัติอยู่ภายใต้ของกฎหมาย โดยมีระเบียบข้อบังคับและยึดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด

ด้าน นายวีระกิตติ์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องดำเนินการในช่วงเวลา 21.30 น. นั้นเป็นมาตราการในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำและทัณฑสถาน ซึ่งเป็นระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข โดยศาลมีคำสั่งย้ายผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย ตามคำร้องจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในเวลา 18.40 น. ก่อนเข้าสู่กระบวนการจำแนกผู้ต้องขังรายใหม่เพื่อคัดกรองโรคดังกล่าว อีกทั้งผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย มาจากพื้นที่สุ่มเสี่ยง

โดยทางผู้คุมได้เข้าไปเจรจากับผู้ต้องขังเพื่อร้องขอให้ย้ายไปยังอีกสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในแดนเดียวกัน แต่ปรากฏว่าการร้องขอไม่เป็นผล จนกระทั่งในเวลา 23.00 น. จึงต้องประสานทีมแพทย์และพยาบาลหญิงเข้าไปตรวจตามปกติ ซึ่งการตรวจในเวลานอกราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นถือเป็นเรื่องปกติและไม่ใช่ครั้งแรก แต่ผู้ต้องขังทางการเมืองทั้ง 7 ราย ก็ยังไม่ยินยอมให้ความร่วมมือและถือไม่เป็นความชอบธรรมกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่อยู่ในห้องเดียวกันอีก 9 ราย แต่ยินยอมให้ทีมแพทย์ตรวจหาเชื้อ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนแผน โดยให้ผู้ต้องขังที่อยู่ร่วมกันกับผู้ต้องขังทางการเมืองย้ายไปห้องอื่นก่อนดำเนินการตรวจสอบจนเวลาเลยผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนผู้ต้องขังทางการเมืองทั้ง 7 ราย ก็ยังไม่ยินยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จึงให้อยู่ร่วมกันเพื่อกักตัวดูอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน ตามมาตราฐานสากล

จดหมายที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นายอานนท์ ขณะนี้ทางศาลอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าออกมาได้อย่างไร เนื่องจากทางเรือนจำมีมาตราการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและถือเป็นข้อห้ามทางกฎหมาย ทั้งนี้ ผบ.เรือนจำ ยืนยันว่าทุกครั้งที่ผู้ต้องขังจะเดินทางไปยังศาล ได้ตรวจค้นตามระเบียบทุกขั้นตอนแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งความร้องทุกข์ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีแอดมินเพจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ภายในเรือนจำยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ รวมถึงภายในห้องควบคุม หากศาลเรียกหาพยานหลักฐานส่วนนี้ก็สามารถนำไปแสดงต่อศาลได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน