เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อ้างว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และกระทรวงยุติธรรม มีส่วนรู้เห็นในการสร้างพยานหลักฐานเท็จเพืื่อรื้อฟื้นคดี ว่า ในส่วนของดีเอสไอ เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 9 คนที่กระทรวงขอตัวไปช่วยราชการรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ถ้าทางตำรวจมีข้อสงสัยก็พร้อมชี้แจง ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพร้อมให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยหรือสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า รายละเอียดส่วนนี้อยากให้ทางกระทรวงเป็นผู้ชี้แจง เพราะทั้ง 9 คนมาช่วยราชการรองปลัดกระทรวงยุติธรรมในส่วนงานภารกิจอำนวยความยุติธรรม ซึ่งเป็นภารกิจของกระทรวง เนื่องจากกระทรวงมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์
ถามต่อว่ากรณีของนางจอมทรัพย์ ดีเอสไอเข้าไปคุ้มครองพยานหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ไม่ได้คุ้มครองพยาน เพราะไม่ใช่คดีพิเศษ และไม่ได้มีการร้องขอมายังดีเอสไอ แต่หน่วยอื่นดีเอสไอไม่ทราบ
ด้านนายวัลลภ นาคบัว ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ในฐานะประธานตรวจสอบการรับเรื่องร้องเรียนคดีของนางจอมทรัพย์ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเชิญเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 9 คน ที่ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีนางจอมทรัพย์ มาสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ส่วนขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบนั้น จะแบ่งช่วงการทำงานไว้ 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ทำหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ, กระทรวงยุติธรรม, กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และยุติธรรมจังหวัดนครพนม เพื่อให้ชี้แจงถึงรายชื่อบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการรับเรื่องร้องเรียนและการดำเนินการในคดีครูจอมทรัพย์
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ 2 คือการให้บุคคลที่เกี่ยวข้องชี้แจง และช่วงที่ 3 คือการรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการรับเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม โดยกำหนดกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงการรับเรื่องร้องเรียนให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน ทั้งนี้ ในที่ประชุม ปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ย้ำถึงแนวทางการรับเรื่องร้องเรียนคดีแพะ ที่อยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการและกระบวนการการรับเรื่องร้องเรียนของแต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมที่จะเป็นแนวทางปฏิบัติให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า รวมถึงการประสานข้อมูลหลังการรับเรื่องร้องเรียนระหว่างหน่วยงานกระทรวงยุติธรรมที่มีการหารือร่วมกัน ว่าอาจจะมีการตั้งชุดทำงานกลางเพื่อประสานข้อมูล ในการรับเรื่องร้องเรียนเพื่อการตรวจทานข้อเท็จจริง
