ศบค. เคาะแล้ว เวลาเปิด-ปิดร้านสะดวกซื้อ ปิดระบบขนส่งสาธารณะ สวนสาธารณะปิดกี่ทุ่ม พร้อมขอประชาชน งดเดินทางโดยไม่จำเป็น

วันที่ 9 ก.ค.2564 รายงานข่าวจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (นครปฐม, นนทบุรี ,ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร) โดยให้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ยึดหลักการ ดังนี้

1.จำกัดการเดินทางของประชาชนทั้งออกจากบ้านและข้ามจังหวัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยขอให้เวิร์ก ฟอร์ม โฮม (WFH) ให้มากที่สุด ยกเว้นงานบริการประชาชนและงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค, ขอความร่วมมือประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้นการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค การไปโรงพยาบาล ฉีดวัคซีน หรือมีความจำเป็นต้องออกไปทำงาน

จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด, ขอความร่วมมือผู้ประกอบการลดการจัดบริการยานพาหนะของขนส่งสาธารณะที่ต้องเดินทางจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งบกและอากาศการขนส่งยกเว้นการขนส่งสินค้า, ลดการรวมตัวทำกิจกรรมร่วมกันทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน เช่น งดการจัดอบรม งดจัดประชุม งดจัดสอบหรือกลับเข้าสถานศึกษา

2.ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรค ได้แก่ ปิดสถานที่เสี่ยงการติดโรค เช่น นวดแผนโบราณ (ยกเว้นนวดเท้า) สปา สถานเสริมความงาม ร้านสะดวกซื้อ ปิดเวลา 21.00-04.00 น. ห้างสรรพสินค้าเปิดได้เฉพาะร้านอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านเครื่องมือสื่อสาร ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ โดยเปิดได้ถึงเวลา 21.00 น.

ร้านอาหารเปิดขายได้ แต่ห้ามบริโภคในร้าน ห้ามจำหน่ายสุรา เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. ส่วนระบบขนส่งสาธารณะ ปิดเวลา 23.00-03.00 น. กำหนดเวลาปิดสวนสาธารณะ เวลา 21.00 น.

3.ปรับแผนการฉีดวัคซีนไปต่างจังหวัด และระดมฉีดวัคซีนที่มีอยู่ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและโรคเรื้อรังในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

4.ปรับระบบบริการตรวจคัดกรองและรักษาพยาบาล ให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดเร่งเพิ่มบริการตรวจคัดกรอง และปรับระบบการบริการรักษาพยาบาล โดยเร่งให้มีการจัดบริการแบบ โฮม ไอโซเรชั่น และคอมมูนิตี้ ไอโซเรชั่น ให้เหมาะสมและเพียงพอกับสถานการณ์และเชื่อมโยงกับหน่วยบริการปฐมภูมิ

เช่น คลินิกบริการอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร โดยมี สปสช. ในการจัดบริการ รวมทั้งให้หน่วยบริการจัดช่องทางด่วนในการตรวจคัดกรองและรักษาให้กับกลุ่มผู้สูงอายุผู้มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรัง

5.เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชน ในการป้องกันตนเองตรวจคัดกรองและดูแลรักษาพยาบาล ดังนี้ ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนเน้นมาตรการป้องกันส่วนบุคคลสวมหน้ากากอนามัย งดคลุกคลีใกล้ชิดกัน หรือรับประทานอาหารร่วมกันทั้งในบ้านและสถานที่ทำงาน

เน้นย้ำทุกหน่วยงาน และผู้ประกอบการ ดำเนินการกำกับติดตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลในสถานประกอบการหรือสถานที่ทำงาน, สร้างการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชน ภาคประชาสังคมในการจัดบริการในการจัดบริการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาพยาบาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน