ศบค. ย้ำ ข้อกำหนดเข้ม ลดการเดินทาง “ให้ลดผดส.-ขนส่งสาธารณะ ทั่วประเทศไม่เกิน 50เปอร์เซ็นต์” แนะ รอฟังประกาศแต่ละ จ.กำหนดเพิ่มเติม

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.กล่าวว่า สำหรับข้อกำหนดเรื่องการเดินทางของประชาชนใน 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่21 ก.ค.นี้ ให้กระทรวงคมนาคม กทม.จังหวัด หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแลการให้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และการขนส่งสาธารณะทุกประเภทระหว่างจังหวัดทั่วราชอาณาจักร
ให้จำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสาร คือให้ลดการเดินทางทั้งประเทศ ไม่เฉพาะ 13 จังหวัด

โดยเดินทางได้ แต่ต้องลดพื้นที่ขนส่งลง 50 เปอร์เซ็น ให้เว้นระยะห่าง และให้บริการเพียงพอต่อความจำเป็นในเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะอำนวยความสะดวกรับส่งผู้โดยสารไปฉีดวัคซีน ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนขอความร่วมมือสายการบิน จากดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ได้งดเที่ยวบินที่ออกจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดสีแดงเข้มให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.เป็นต้นไป ดังนั้นเพื่อลดความแออัดขอความร่วมมืออย่าเดินทางในเวลานี้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังคงมาตรการเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 21.00 น.-04.00ของวันรุ่งขึ้นเป็นเวลา 14 วัน และยังควบคุมการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้ซื้อกลับที่บ้านได้จนถึงเวลา 20.00 น. ส่วนการเปิดห้างจะเข้มข้นขึ้น โดยให้เปิดบริการได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์เท่านั้น และพื้นที่จัดให้บริการฉีดวัคซีน เปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. และปิดกิจการร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ธนาคาร สื่อสารฯ ในห้างใหญ่ ด้านร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ให้เปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. และให้เแต่ละจังหวัดพิจารณาสั่งปิดได้ตามความจำเป็น หากมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น

ส่วนโรงแรมให้งดจัดกิจกรรมประชุม สัมมนาหรือจัดเลี้ยง และห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน หากเป็นการรวมกลุ่มของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านั้น ให้มาขออนุญาตอีกครั้งเพื่อตรวจสอบและทบทวนให้เป็นไปตามมาตรการ นอกจากนั้นให้ภาครัฐสั่งการให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรปฎิบัติงานนอกสถานที่หรือเวิร์กฟรอมโฮมขั้นสูงสุด โดยใช้วิธีประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ และขอความร่วมมือเอกชนปฎิบัติงานนอกสถานที่ตั้งให้มากที่สุดเช่นกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมและกิจการอื่น เช่น สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนสาธารณะ สามารถทำได้หรือไม่ทางศบค.ให้แต่ละจังหวัดออกประกาศข้อกำหนดของตัวเองให้สอดคล้องกับมาตรการหรือเข้มข้นมากขึ้น ขอให้ประชาชนรอฟังประกาศของจังหวัดนั้นๆอีกครั้ง

นอกจากนั้นสถานที่อนุญาตให้เปิดได้ตามความจำเป็น ได้แก่ โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ทุรกรรมการเงิน ธนาคารเอทีเอ็ม การสื่อสารคมนาคมไปรษณีย์และพัสดุ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ที่อยู่นอกห้าง รวมถึงสถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวมทั้งบริการสินค้าและอาหารตามสั่งสามารถเปิดได้ตามความจำเป็น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วมีการคาดการณ์ว่าจะติดเชื้อ 16.9 ล้านคน ถ้าไม่ทำอะไรก็จะมีจะมีการคาดการณ์อาจจะติด9แสนคนหรือ9ล้านคน หรือ4 แสนคน วันนี้เห็นเป็นรายวันที่บอกวันละ 1 หมื่น 2 หมื่น 3 หมื่นคน แต่เราไม่อยากให้เป็น วันนี้แตะหมื่นหลายวัน จึงอยากให้ลดลงไปโดยทุกคนต้องช่วยกันช่วยกันได้ ความสามัคคีที่จะช่วยกันได้ ข้อกำหนดออกมาเหมือนกติกาที่จะอยู่ร่วมกันเพื่อดึงกราฟตัวเลขลงมาได้ เพื่อให้เห็นพลังและจิตใจของคนไทยนอกจากช่วยตัวเองและญาติพี่น้องก็ยังช่วยชาวไทยทุกคนด้วยจึงขอกราบขอความร่วมมือประชาชนทุกคนแล้วเราจะผ่านความทุกข์ยากไปด้วยกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน