เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งใน 7 จังหวัด รวม 21 อำเภอ 128 ตำบล 618 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคกลาง 4 จังหวัด 13 อำเภอ 100 ตำบล 494 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.นครสวรรค์ เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ท่าตะโก อ.หนองบัว อ.เมืองนครสวรรค์ อ.ชุมแสง และอ.ลาดยาว รวม 14 ตำบล 39 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,252 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 190 สาย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 269,474 ไร่ จ.อ่างทอง
201608130812267-20060412082351
น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยเอ่อล้นเข้าท่วมอ.วิเศษชัยชาญ รวม 2 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 513 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 3,784 ไร่ จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เสนา อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.บางไทร อ.มหาราช และอ.นครหลวง รวม 80 ตำบล 436 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,946 ครัวเรือน จ.กาญจนบุรี
201608130812261-20060412082351
ฝนตกหนักทำให้น้ำในลำภาชีล้นตลิ่งในพื้นที่อ.ด่านมะขามเตี้ย รวม 4 ตำบล ได้แก่ ต.หนองไผ่ (หมู่ที่1,3,4,6) ต.กลอนโด ต.จรเข้เผือก และต.ด่านมะขามเตี้ย ภาคเหนือ 1 จังหวัด 3 อำเภอ 12 ตำบล 48 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.พิจิตร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง และอ.โพทะเล รวม 12 ตำบล 48 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,916 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 63,660 ไร่
201608111114461-20041020151344
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ภาคใต้ 2 จังหวัด 5 อำเภอ 17 ตำบล 82 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ อ.ทับสะแก และอ.หัวหิน รวม 10 ตำบล 44 หมู่บ้าน จ.เพชรบุรี น้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีล้นตลิ่งในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเพชรบุรี และอ.บ้านแหลม รวม 7 ตำบล 38 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 2,760 ครัวเรือน
ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางเริ่มคลี่คลาย เนื่องจากมีปริมาณฝนลดลง ขณะที่ภาคใต้สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำน้ำสายสำคัญมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุน จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว พร้อมเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณะประโยชน์ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว และจากการตรวจสอบสภาพอากาศ พื้นที่ภาคใต้ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
ปภ.จึงได้ประสาน 7 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา และภูเก็ต ให้เฝ้าระวังสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือดินถล่ม ดินไหล และน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 2-3 พ.ย. โดยจัดเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญเหตุ ชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน