ดีเอสไอ แจงแล้ว ปมลือสนั่น เตรียมปล่อยตัวภรรยา “โกฟุก” ผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์ ยืนยัน ไม่เป็นความจริง ชี้ ทำให้เสียหาย เตรียมหาต้นตอคนปล่อยข่าว

วันที่ 11 มี.ค.2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงว่า ด้วยปรากฏข่าวผ่านสื่อสาธารณะหลายช่องทางในข่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “โกฟุก” ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีเครือข่ายพนันออนไลน์และฟอกเงิน มีการหลบหนีออกนอกประเทศ ขณะเดียวกันมีความพยายามขอประกันตัวภรรยาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ออกไปต่อสู้คดี

รวมทั้งปรากฏข้อความในแอปพลิเคชัน ติ๊กต็อก ของสมาชิกคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “Newด่วนด่วน ด่วน! คนโกงชาติกว่า 2 หมื่นล้าน นักการเมืองตัวใหญ่(พ่อค้าแป้ง) ระดับสั่งการ ฮั้ว หัวหน้าพนักงานสอบสวน DSI ศาล

ล็อบบี้กันเพื่อประกันตัวเมียรักโกฟุก คนโกงชาติกว่า 2 หมื่นล้าน เพื่อเตรียมหนีไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศวันพรุ่งนี้ 9 มี.ค. (ข่าวลือมาว่ามีเงินสะพัดวิ่งเต้นกว่า 20-50 ล้านบาท)” นั้น

ดีเอสไอ ขอชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับการที่กองคดีฟอกเงินทางอาญา มีการสอบสวนคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีเครือข่ายพนันออนไลน์และฟอกเงิน “โกฟุก” ต่อมาได้มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหารวม 18 คน

และนำไปสู่การตรวจค้นสถานที่ต่าง ๆ จำนวน 27 จุด ในพื้นที่หลายจังหวัด เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2567 เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาและยึดสิ่งของเป็นหลักฐาน และมีการจับกุม ได้แล้วจำนวน 7 คน โดยหนึ่งในจำนวนดังกล่าวมีภรรยาของโกฟุกรวมอยู่ด้วย พร้อมยึดทรัพย์สินและสิ่งต่าง ๆ ที่อาจเป็นพยานหลักฐานจำนวนมาก รวมกว่า 400 รายการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

โดยขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการสอบสวนขยายผลในการกระทำความผิดของเครือข่ายดังกล่าว ในเรื่องของการฉ้อภาษีของรัฐ เกี่ยวกับการสร้างหลักฐานเท็จเกี่ยวกับส่งนำมันเชื้อเพลิงออกไปนอกราชอาณาจักรและนำมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ๆ รวมกว่า 20,000 ล้านบาท เป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

ส่วนภรรยาของ “โกฟุก” นั้น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวนโดยตัวผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจควบคุมตามคำสั่งศาลแล้ว และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้มีข้อสั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว

เนื่องจากเป็นคดีที่มีความเสียหายสูง มีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีพฤติการณ์กระทำความผิดมาเป็นเวลานาน อันเป็นความผิดหลายกรรม

หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจหลบหนีซึ่งมีการยื่นคำร้องฝากขังระหว่างการสอบสวน ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และดีเอสไอคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวมาโดยตลอด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2567 ผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและศาลอาญาได้วินิจฉัยคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวและคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้วได้มีคำสั่งยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว

กรณีตามข่าวจึงไม่เป็นความจริง และทำให้ดีเอสไอรวมถึงกระบวนการยุติธรรมชั้นศาลเสียหาย ทั้งนี้ จะได้สืบสวนหาต้นตอข้อมูลแหล่งข่าวและวัตถุประสงค์ที่ดำเนินการต่อไป จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน