น้องเมีย-ลูกสาว ‘เสี่ยต้น’ ให้ปากคำ เผยก่อนตายดื่มเหล้าหนัก โลงเย็นเสีย เห็นศพคล้ำ เป็นคนอารมณ์ร้อน

จากกรณีการเสียชีวิตของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น อายุ 45 ปี เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับไปหาภรรยาที่ จ.มหาสารคาม นอกจากนี้เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็เพิ่งลอบยิงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง โดยน้องสาวสงสัยการเสียชีวิต เพราะสภาพศพมีสีผิดปกติเหมือนถูกวางยา และเชื่อว่าทั้ง 2 คดีน่าจะเกี่ยวโยงกัน

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 22 พ.ค.67 ที่ สน.วังทองหลาง น.ส.ส้ม น้องสาวของ นางมด ภรรยาเสี่ยต้น และลูกสาววัย 16 ปี ของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายพัฒน์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบปากคำในฐานะพยานที่เป็นคนใกล้ชิด และเป็นคนที่พาเสี่ยต้นเข้ามาแจ้งความที่โรงพัก

น.ส.ส้ม กล่าวว่า ตนทราบเหตุการณ์ในวันที่เสี่ยต้นถูกลอบยิงในวันที่ 8 เม.ย. โดยลูกสาวของเสี่ยต้น เป็นคนโทรศัพท์มาแจ้งตน ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน หลังจากนั้นตนก็ออกไปหาพี่สาว ก่อนจะออกมาหาเสี่ยต้นแล้วเดินทางมาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง ส่วนที่พี่สาวนัดกินข้าวกับเสี่ยต้นนั้น ตนไม่ได้ไปด้วย ส่วนตัวพี่สาวก็ไม่ได้สงสัยว่าใครที่เป็นคนมาลอบยิงเสี่ยต้น เพราะเสี่ยต้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร ตนก็คาดว่าน่าจะมาจากเหตุซึ่งหน้ามากกว่า เนื่องจากเสี่ยต้น เวลาที่ดื่มเหล้ามักจะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง

ส่วนภาพผู้ต้องสงสัย 2 คน ตนยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่คุ้นหน้า สำหรับที่เพื่อนสนิทของเสี่ยต้นให้ข้อมูลว่า พี่สาวตนน่าจะรู้ดีว่าใครเป็นคนยิง แต่ตนเชื่อว่าพี่สาวตนก็คงไม่รู้ เพราะถ้าหากมีรูปภาพ หรือหลักฐานที่เห็นใบหน้าผู้สงสัยที่ชัดกว่านี้แล้วเอามาให้ดู ถ้าตนรู้จัก พี่สาวตนก็คงรู้จักเช่นกัน สำหรับเสี่ยต้น เป็นคนที่ถ้าหากได้ดื่มสุราแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตนเคยเจอมาแล้ว ถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง ทั้งด่าตน ด่าพี่สาว และด่าแม่ของตน รวมถึงเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้าด้วยก็โดน จนพักหลังๆ แม้จะไม่ได้ดื่มเหล้าก็จะเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย

ตนเคยได้ยินเสี่ยต้น ด่าตนผ่านพี่สาวด้วยถ้อยคำแรงๆ เช่น “เดี๋ยวมึงก็เป็นเหมือนน้องมึงที่เลิกกับแฟนเก่าแล้วไปมีแฟนใหม่” ซึ่งตนมองว่านี่เป็นชีวิตส่วนตัว หากอยากจะด่าก็ด่าไป เพราะตนยังสามารถทำงานให้กับบริษัทได้ตามปกติ ตนไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูกเสียต้นด่า แต่รู้สึกงงมากว่ามาด่าทำไม แม้เสี่ยต้นมักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงกับครอบครัวของตน แต่เหตุผลเหล่านี้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของตนกับเสี่ยต้นมีความขัดแย้งกัน ส่วนพี่สาวก็เคยมาระบายให้ฟังว่า เสี่ยต้นเมาแล้วมาหาเรื่อง หลังจากเสี่ยต้นเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ก็แจ้งกับตนว่าสามารถนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาได้เลย ซึ่งตนก็ได้ไปจัดการเรื่องงานศพ

ซึ่งคืนก่อนที่เสี่ยต้นจะเสียชีวิต ตนก็เห็นเสี่ยต้นดื่มเหล้าในปริมาณมาก โดยดื่มแบบเพียวๆ การเสียชีวิตของเสี่ยต้นทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จนถึงวันที่จะมีพิธีฌาปนกิจก็เปิดโลงออกมา เห็นร่างเสี่ยต้นอยู่ในสภาพที่ดำคล้ำ และอืด ตอนที่ศพเสี่ยต้นอยู่ในโลงเย็นนั้น ปรากฏว่าโลงเย็นเสียด้วยจนทำให้เริ่มมีกลิ่น ก่อนเปลี่ยนโลงเย็นมาใหม่ กรณีน้องสาวของเสี่ยต้นออกมาร้องขอความเป็นธรรม ตนก็งง เพราะนานหลายปีแล้วที่น้องสาวเสี่ยต้นมาทำงานบริษัท ก่อนหายหน้าหายตาไป เท่าที่จำได้มีการพูดคุยกับพี่สาวตนตามปกติ ไม่ได้ดูว่ามีความขัดแย้งอะไรกันเลย

ขณะที่ ทนายพัฒน์ เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของ นางมด และเสี่ยต้น เท่าที่ทราบก็ไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยจนถึงขั้นต้องฆ่าหรือวางยากัน และนางมด ก็ไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ ในส่วนการเสียชีวิตที่ จ.มหาสารคาม นางมดก็ได้ให้ปากคำไปตั้งแต่หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องรอขั้นตอนทางกฎหมาย

สำหรับความคืบหน้าทางคดี จากข้อมูลทางการสืบสวนล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งแกะรอยหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่า หลังจากก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขี่รถจยย. ไปที่ปั๊มน้ำมันซอยนวมินทร์ 92 ก่อนจะหลบหนีต่อไปที่ย่านพระโขนง แล้วหายไปจากกล้องวงจรปิด เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดี หลังก่อเหตุได้ขี่รถวนเพื่อหลอกทำให้ตำรวจหลงทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน