ขึ้นเขากับ‘ฮอนด้า ซิตี้ RS’ ขุมพลังเทอร์โบ-แรงเกินคาด
ขึ้นเขากับ‘ฮอนด้า ซิตี้ RS’ ขุมพลังเทอร์โบ-แรงเกินคาด – แม้จะขับกันเพียงแค่ 5 ก.ม. เมื่อครั้งไปทดลองขับสัมผัสแรก กับ ‘ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ’ ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 5 หลังเปิดตัวไปไม่ถึงเดือน ที่สนามฮอนด้า จ.ปราจีนบุรี เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่สามารถรับรู้ถึงความแรงของเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ อยู่พอสมควร
ดังนั้นเมื่อทีมงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย แจ้งเข้ามาว่ามีทริปทดสอบบนถนนจริง จึงไม่พลาดที่จะตอบรับในทันที
เลือกใช้เส้นทางจาก อ.เมือง จ.เชียงราย ขับขึ้นเขาลัดเลาะ แม่น้ำโขง ไปยัง อ.เชียงของ ระยะทางไป-กลับประมาณ 180 ก.ม. ขับกันคนละครึ่งทาง กับน้องนักทดสอบสาว แห่งสำนักประชาชาติธุรกิจ ‘วุฒิณี ทับทอง’
คันที่ทดสอบเป็นรุ่น RS ตกแต่งเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตกันอย่างเต็มที่ เป็นเกรดพิเศษที่มีครั้งแรกในฮอนด้า ซิตี้ เรียกว่ารุ่นท็อป ของท็อป อีกที
ขาไปให้น้องว่าการไปก่อน ส่วนตัวเองกระโดดไปนั่งเบาะหลัง ที่ทีมวิศวกรฮอนด้าให้ข้อมูลว่าเพิ่มพื้นที่วางขามากขึ้น 31 ม.ม. ทำให้เหยียดขาได้สบายขึ้น
เอาจริงๆ แล้ว การเพิ่มขึ้นของพื้นที่วางเท้าไม่ได้มากมายจนรู้สึกได้ แต่ดีกว่าแคบลงแน่นอน ส่วนที่เห็นชัดเจนถึงความสบายกลายเป็นเบาะนั่ง ที่นอกจากหนานุ่มแล้วยังมีความยาวมารับต้นขาตรงช่วยคลายความเมื่อยล้าอย่างดี
ความนุ่มนวลต้องบอกว่าด้วยบุคลิกของตัวรถที่เป็นซีดานขนาดเล็ก จึงอาจจะมีมาให้ไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับกระเด้งกระดอน ยามผ่านหลุมบ่อ คอสะพาน
ขณะที่แรงเหวี่ยงยามเข้าโค้งบนทางเขาที่ความเร็วพอประมาณ มีมาให้ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย รวมถึงบนความเร็วสูงเกิน 150 ก.ม. ต่อ ช.ม. เริ่มจับอาการหวิวได้บ้าง
ถึงจุดเปลี่ยนคนขับขึ้นนั่งตำแหน่งเบาะนั่งขนาดใหญ่โอบกระชับ พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียง และรับสายโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ
เครื่องยนต์แม้จะเล็กเพียง 1.0 ลิตร แต่มี VTEC TURBO แรงกว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ตัวเดิมอยู่พอประมาณ ให้กำลังช่วงออกตัวได้แบบไม่อืดอาด และหมายรวมถึงจังหวะเร่งแซงด้วยเช่นกัน
แต่มีเหมือนกันที่บางครั้งเวลาคิกดาวน์แล้ว เครื่องยนต์รอคิดอยู่ นิดหนึ่ง หากอยากได้กำลังมาดั่งใจ แนะนำให้ดึงคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง S หรือโหมดสปอร์ต แล้วปรับเปลี่ยนเกียร์ที่แป้นหลังพวงมาลัย หรือที่เรียกว่าแพดเดิล ชิฟต์ เรียกกำลังมาใช้ได้สบายใจกว่าเยอะ
เส้นทางขากลับส่วนใหญ่เป็นทางลงเขา และโค้งสลับไปมาทำให้ต้องถอนคันเร่งเชนจ์เกียร์ช่วยอยู่เนืองๆ โค้งไหนที่ความเร็วพอเหมาะ เข้าออกได้อย่างกระชับฉับไว ส่วนโค้งไหนไหลแรงไปหน่อย อาการท้ายบานมีให้ได้รู้สึก แต่แค่นิดเดียวตัวรถก็กลับมาตั้งลำตรงทางเหมือนเดิม
ถึงทางราบแถมเป็นเส้นทางเปิดใหม่ แทบไม่มีเพื่อนร่วมถนน ไม่รอช้ากดคันเร่งเพื่อดูความเร็วปลาย เพราะเพื่อนกระจอกข่าว คันอื่นที่ร่วมทดสอบ คุยโขมงว่าทำความเร็วไปถึง 210 ก.ม./ช.ม. จริงๆ แล้วน่าจะถึงไหม
เข็มไมล์ไต่ระดับขึ้นตามน้ำหนักเท้า แบบชนิดไม่มีเหนื่อย ไม่มีท้อ จนถึงปริ่ม 190 ก.ม./ช.ม. ดูเหมือนว่าจะยังไม่หมด เพียงแต่ถนนไม่มีให้ลองแค่นั้น ประเมินแล้วความเร็วเกิน 200 ก.ม./ช.ม. น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เขาว่าจริงๆ
แต่ความเร็วขนาดนั้นเสียงเครื่องยนต์แทรกเข้ามาในห้องโดยสารอยู่พอสมควร ทดสอบไปทั้งสิ้น 87.9 ก.ม. อัตราสิ้นเปลือง 11.3 ก.ม./ลิตร แต่เมื่อรวมตลอดทริปทดสอบกันไป 176.4 ก.ม. ทำอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 11.9 ก.ม. แม้จะดูเหมือนไม่ค่อยประหยัดน้ำมันเท่าไหร่ แต่ต้องไม่ลืมว่าทริปนี้ค่อนข้างโหด ทั้งเส้นทาง และน้ำหนักเท้าของนักทดสอบ
การออกแบบเน้นความเป็นสปอร์ตซีดานไว้อย่างเต็มที่ กระจังหน้าแบบ Glass Black ไฟหน้าแบบ LED เรียงตัวกันเหมือนเปลือกหอย พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวันแบบ LED
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ สปอยเลอร์หลังแบบ Glass Black พร้อมสัญลักษณ์ RS กระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ขยับตำแหน่งจากหูช้างมาอยู่ที่ประตูข้าง
ทีมงานฮอนด้าแจ้งว่าช่วยให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น
ภายในเบาะหนังกลับตกแต่งด้วยด้ายสีแดง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง คอนโซลกลางมาพร้อมที่เท้าแขนและกล่องเก็บของขนาดใหญ่ แถมด้วยช่องวางขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร
ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ RS ราคาค่าตัวอยู่ที่ 739,000 บาท
แต่ถ้าไม่ได้ต้องการตัวแต่ง มีให้เลือก 3 รุ่นราคา 579,500-665,000 บาท
