‘นิสสัน อัลเมร่า’ใหม่ อีโคคาร์เนี้ยบ-เงียบจริง

‘นิสสัน อัลเมร่า’ใหม่ อีโคคาร์เนี้ยบ-เงียบจริง – ทันทีที่ค่ายนิสสัน เปิดตัว นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ อีโค คาร์ ซีดาน คันเก่งของค่าย ตั้งแต่เมื่อกลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ถูกจับตามองเป็นพิเศษด้วยรูปลักษณ์ ภายนอกภายใน ใหม่หมดจด และยังใส่เทคโนโลยีทันสมัยมากมาย

แต่กว่าที่จะจัดคิวให้สื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะ ล่วงเข้าเกือบปลายเดือนม.ค. ถึงกระนั้นเชื่อมั่นว่ายังมีใครหลายคน ที่รอคอยรับรู้ข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ทีมงานนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ใช้เส้นทางทดสอบจากจ.ภูเก็ต มุ่งหน้าไปยังอ.เขาหลัก จ.พังงา ระยะทางไปกลับกว่า 200 ก.ม. แต่ละคันมีผู้สื่อข่าว 2 คน แต่คันนี้พิเศษน้องที่ร่วมคัน มีอาการบาดเจ็บที่แขน ทำให้ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ว่าการคนเดียวรวดทั้งไปและกลับ

ก่อนออกเดินทางแนะนำข้อมูลตัวรถกันพอสังเขป โดยงานนี้ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ กระซิบดังๆ ว่านิสสัน อัลเมร่า ใหม่ เป็นรถยนต์อีโคคาร์ ที่มีเครื่องยนต์แรงอย่างเหมาะสม เพียงพอกับการใช้งาน ไม่ได้ผลิตมาเพื่อตอบโจทย์สายซิ่งแต่ประการใด

นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ หลากสีจอดรออยู่แล้ว โดยทุกคันเป็นรุ่นท็อป VL ใส่อุปกรณ์ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม จากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลีติ

ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน เตือนจุดอับสายตา กล้องมองภาพรอบคัน ซึ่งเดิมอุปกรณ์ประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะใส่อยู่ในรถรุ่นใหญ่ ถึงใหญ่มาก แต่วันนี้นิสสัน จับมาไว้ในอีโคคาร์ กันแล้ว

กดปุ่มสตาร์ตที่อยู่ในตำแหน่งใกล้คันเกียร์ กำลังของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร เรียกมาใช้งานได้ตั้งแต่ตีนต้น ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ได้อย่างไหลลื่น ออกตัวได้ไม่อายใครรวมทั้งการเร่งแซงสบายมือ

ช่วงแรกเป็นถนน 4 เลน ทำความเร็วกันได้เต็มที่ วันนั้นจัดกันไปที่ 170 ก.ม.ต่อช.ม. เท่านี้ก็ถือว่ามากแล้วเมื่อเทียบกับขนาดของเครื่องยนต์ เสียงเครื่องไม่มีความเครียด หรือให้ความรู้สึกว่าถูกเข่น

ช่วงล่างระหว่างความเร็ว 130-140 ก.ม. ให้ความรู้สึกหนึบแน่น ชนิดที่ผู้โดยสารด้านข้างแทบไม่เชื่อว่าอยู่บนความเร็วนี้ เพราะไม่มีอาการหวิวของช่วงล่างเลยแม้แต่น้อย

แต่พอผ่านย่านความเร็ว 160 ก.ม.ต่อช.ม.ไปแล้ว กำพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบาให้กระชับขึ้นอีกนิด เพื่อเพิ่มความมั่นใจ

สิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจคือความเงียบของห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ขับทำความเร็ว หรือขับไปบนถนนขรุขระ เสียงที่เข้ามาน้อยมาก กว่าจะได้ยินความเร็วเกิน 120 ก.ม.ต่อช.ม. บางครั้งรู้สึกตัวว่ามีเสียงเกือบจะ 140 ก.ม.ต่อช.ม. เข้าไปแล้ว

ส่วนเสียงจากล้อยางต้องผ่านตัวหนอนหรือลูกระนาดบนความเร็วพอประมาณถึงจะได้ยินเสียง แต่ถ้าผ่านช้าๆ แทบไม่ได้ยิน ต้องยกเครดิตให้ทีมวิศวกรญี่ปุ่น ที่เก็บเสียงได้เกินตัว

ออกนอกเมืองอีกครั้งเป็นช่วงเลนสวน แถมด้วยทางโค้งไปมาบนทางขึ้น-ลงเขา ช่วงล่างที่มีความหนึบอยู่พอควร ช่วยให้การเข้าโค้งทำได้อย่างกระชับฉับไว ช่วงลงเขาดึงเกียร์ไปที่ตำแหน่ง L เพื่อลดภาระการใช้งานเบรก เสียดายอยู่นิดหนึ่ง ถ้าตรงนี้ถ้าเป็นเกียร์แบบบวก-ลบ น่าจะสนุกขึ้นเยอะ

อีกสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นเทรนด์ของรถยนต์รุ่นใหม่ คือการปรับตำแหน่งกระจกมองข้างมาไว้ที่แผงประตูข้าง ซึ่งทุกค่ายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วยให้มุมมองกว้างขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกอึดอัด ด้วยความที่อยู่ประชิดติดตัวมากเกินไป ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรถึงจะคุ้นชิน

สิ้นสุดการเดินทาง ทำระยะไปรวม 236.6 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 16.6 ก.ม.ต่อลิตร ความเร็วเฉลี่ย 60 ก.ม.ต่อช.ม. เกจ์น้ำมันหมดไปเกือบครึ่งถัง เป็นรถที่ขับประหยัดคันหนึ่ง

แต่ต้องบอกก่อนว่าสถิตินี้เป็นการเติมน้ำมันเบินซินแก๊สโซฮอล์ 95 ตัวพรีเมียม

ส่วนเรื่องดีไซน์ขอบอกกล่าวแค่คร่าวๆ กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อม LED Signature Light ทรงบูมเมอแรง ไฟเลี้ยวด้านข้าง และไฟท้ายแบบ Signature Light พร้อมไฟเบรก LED

ภายในโทนสีดำเสริมด้วยวัสดุสีเงิน พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ พร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน

หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง พร้อมลำโพง 6 จุด เชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ตโฟน Apple CarPlay มาตรวัดแบบเรืองแสง แบบ Digital แสดงผ่านหน้าจอ TFT หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว

นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ในรุ่น VL ที่ทดสอบครั้งนี้ ค่าตัวอยู่ที่ 639,000 บาท ส่วนตัวเริ่มต้นรุ่น S ราคาอยู่ที่ 499,000 บาท จากนั้นไล่ระดับกันไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน