‘คูเปอร์ เอส คลับแมน’
‘มินิ’5ประตู‘แรง-นั่งสบาย’
‘คูเปอร์ เอส คลับแมน’ ‘มินิ’5ประตู‘แรง-นั่งสบาย’ – เสน่ห์ของเก๋งเล็ก อารมณ์ขับแบบโกคาร์ตของค่าย ‘มินิ’ คือความน่ารักน่าชังจากขนาดตัว และดีไซน์ ที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมองตามกันไม่เว้นแต่ละคน
ยิ่งเจ้า ‘มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน’ (MINI COOPER S CLUBMAN) แบบ 5 ประตู เปิดตัวสีใหม่ ‘อินเดียน ซัมเมอร์ เรด’ (Indian Summer Red) ที่มาเติมความร้อนแรงให้น่าจับตามองเพิ่มขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ
ว่าแล้วตัดสินใจสอบถามไปหา ‘พี่ไหม’ พิศมัย เตียงพาณิชย์ ผู้จัดการส่วนงานสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้รับคำตอบว่าอย่างกับรู้ เพราะตัดรถมาใหม่ไม่กี่วันก่อน พร้อมให้เข้าไปรับรถที่คลังเก็บรถทดสอบ ย่านสวนหลวงร.9 ถ.ศรีนครินทร์ ได้ในทันที
สีอินเดียน ซัมเมอร์ เรด พิศดูแล้วออกคล้ายสีอิฐ แต่สว่างกว่าเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์สีรถยนต์ในช่วงระยะหลังมานี้
ยิ่งได้ลายสีดำพาดผ่านฝากระโปรงหน้า เติมความเข้มให้ดูดุดันยิ่งขึ้น
มิติตัวรถที่ใหญ่ และยาวกว่ามินิปกติอยู่ค่อนข้างมาก แต่ยังคงบุคลิกจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แน่นอนว่าฟิลลิ่งการขับยังคงอารมณ์ โกคาร์ตไว้เช่นเดิม
กระจังหน้าแบบหกเหลี่ยมลวดลายใหม่ ออกแบบมาให้เพิ่มพื้นที่ของทางเข้าอากาศได้มากกว่าเดิม สัญลักษณ์รูปตัว S สีแดงเข้มที่กระจังหน้า ให้รับรู้ว่านี่คือ ‘คูเปอร์ เอส’ หรือตัวแรงนั่นเอง
ไฟหน้า LED พร้อมวงแหวนของไฟ Daytime Running Light แบบเต็มวง ไฟท้าย LED แนวนอน ลวดลาย Union Jack แสดงให้รู้ว่านี่คือรถยนต์สัญชาติอังกฤษ
ประตูท้ายเปิดออกแบบตู้กับข้าว มาพร้อมระบบเปิดอัตโนมัติ ด้วยการสอดเท้าเข้าไปใต้ท้องรถด้านท้าย สะดวกสบายยามหิ้วสัมภาระมาเต็ม 2 มือ
ท่อไอเสียเดี่ยวแยกซ้าย-ขวา เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ แบบทูโทน
จุดหมายปลายทางในการทดสอบอยู่ที่ จ.อุทัยธานี เบาะนั่งหนังดีไซน์สปอร์ตให้ความรู้สึกโอบกระชับ เบาะคู่หน้าปรับสูง-ต่ำด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยหน่วยความจำ
กระจกหน้าบานใหญ่เพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ พวงมาลัยแบบ 3 ก้านมัลติฟังก์ชัน ประดับโลโก้มินิขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง พร้อมด้วยลาย Union Jack ที่ก้านแนวตั้ง
สะดุดตากับกรอบกลางประตูฝาท้าย เวลาที่มองกระจกมองหลังอยู่พอสมควร เพราะบางครั้งทำให้ดูรถที่ตามหลังไม่ค่อยเคลียร์ ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ถึงจะเริ่มคุ้นชิน
แม้รถคันนี้จะเป็นแบบ 5 ที่นั่ง แต่ถ้าให้สบายๆ ไม่อึดอัดจนเกินไป 4 คนกำลังเหมาะ และยังรวมถึงที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ที่กว้างขวางพอให้เก็บกระเป๋าเดินทางแบบ 3 วัน 2 คืน ได้ครบทั้ง 4 คน
หน้าจอวงกลมขนาดใหญ่กลางคอนโซลหน้า วงกลมโดยรอบสามารถเปลี่ยนสีได้ รวมถึงแสงภายในห้องโดยสารมีหน้าที่ควบคุมการทำงานหลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ MINI Connected กับสมาร์ตโฟน เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อ เข้าใช้งานแอพพลิเคชันโปรด ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Web news และ Web radio
ปุ่มอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่เหนือคันเกียร์ ให้ความรู้สึกว่ากำลังอยู่ในอากาศยาน
กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์สีแดงที่อยู่ตรงกลาง เสียงคำรามของเครื่องยนต์แทรกเข้ามาในห้องโดยสาร ปลุกเร้าอารมณ์
เครื่องยนต์เบนซิน ทวินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่บรรจุม้าหนุ่ม 192 ตัว นำพาตัวรถที่เรียกว่าใหญ่ที่สุดของมินิ ให้โจนทะยานไปข้างหน้า แบบชนิดหลังติดเบาะตั้งแต่ตีนต้น ต่อเนื่องถึงตีนปลาย
ความคล่องตัวในการใช้ในเมืองยังมีให้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม ยามเร่งแซง หรือเปลี่ยนเลนไม่ทำให้เพื่อนร่วมถนนรู้สึกหงุดหงิด
ผ่านจ.สิงห์บุรีไปแล้ว ถนนโล่งถึงโล่งที่สุด
จัดหนักเข็มไมล์ไต่ระดับขึ้นไปตามน้ำหนักเท้า ไหลยาวๆ ได้สบายๆ ชนิดที่ 190 ก.ม.ต่อชั่วโมง มานิ่มๆ
ด้วยความหนึบแน่น และขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 มีมาให้ในทุกย่านความเร็ว และรวมถึงในการเข้าโค้ง
เหลือบขึ้นมองเหนือกระจกมองหลัง นอกจากปุ่มเปิดไฟในรถแล้ว ยังมีปุ่ม SOS ลองเปิดฝาปิดขึ้น และกดปุ่มลงไป ไม่ถึงอึดใจพนักงานจากคอลเซ็นเตอร์รับสาย และพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ขับขี่ในทันที
“สวัสดีค่ะ คุณได้กดปุ่มฉุกเฉินน่ะค่ะ มีอะไรให้ช่วยเหลือคะ”
ทำเอาต้องขอโทษขอโพยว่านี่คือการทดสอบ เหมาะอย่างยิ่งกับสาวๆ ที่อาจจะไปรถเสีย เกิดอุบัติเหตุ หรือยางแตกในที่เปลี่ยว ช่วยให้อุ่นใจขึ้นเยอะ
สนนราคา 3.13 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจ MSI Standard รับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และฟรีค่าบำรุงรักษา และค่าแรง 3 ปี หรือ 60,000 ก.ม.