‘เทอร์ร่า’ใหม่ไฉไลขึ้นเป็นกอง – ได้กระแสตอบรับดีเกินคาด พลันที่ค่ายนิสสันตัดสินใจ บิ๊ก ไมเนอร์เชนจ์ หรือปรับใหญ่ให้กับเจ้า ‘นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่’ รถปิกอัพดัดแปลงร่างยักษ์ ให้ดูทันสมัยมากขึ้น
พร้อมทั้งจูนอัพเครื่องยนต์ และช่วงล่างให้เฟิร์ม และขับสนุกขึ้น แม้ทุกอย่างจะอยู่บนแพลตฟอร์มเดิมก็ตาม
ล่าสุดพีอาร์หนุ่ม ชยภัค ลายสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารองค์กร จัดทริปทดสอบเส้นทางกรุงเทพฯ-อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
นัดเจอกันแต่เช้า แถวเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ก่อนออกเดินทางวนดูรอบรถนิสสัน เทอร์ร่า ตัวท็อป 2.3 VL 4WD 7 AT

ดีไซน์ตามแนวคิด “Unbreakable Design” สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง แฝงด้วยความหรูหรา จากกระจังหน้า V-MOTION เอกลักษณ์เฉพาะ ขนาดใหญ่ขึ้น
รับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากฝากระโปรง ตามสไตล์รถอเนกประสงค์ ไฟหน้า Quad LED 4 ดวง เพรียวบาง ดูปราดเปรียว ไฟ Daytime Running Light ไฟตัดหมอก LED
ด้านท้ายถูกออกแบบใหม่ ตั้งแต่สปอยเลอร์บนหลังคา จนถึง ชายกันชนด้านล่าง ฝาท้ายไฟฟ้า ที่แม้จะมีของเต็มสองมือ สามารถเปิดได้ด้วยการสอดเท้าเข้าไปใต้กันชน
ภายในจัดเต็มระบบความบันเทิง หน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สตรีมมิ่งช่องโปรดผ่านช่อง HDMI ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System
เพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสารแถวสาม ไม่ต้องควานหาปุ่มปลดล็อกเบาะนั่งแถวสองให้วุ่นวาย เพราะผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มที่อยู่ใกล้คันเกียร์แบบวันทัช ก็สามารถเข้าไปนั่งยิ้มแป้นได้อย่างสบายใจ

ขณะที่ระบบความปลอดภัยมีมาให้จนล้นคัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน ส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
พร้อมออกเดินทาง เบาะนั่งหนังลายใหม่ แน่นนุ่มกระชับ หรูหราขึ้นด้วยคอนโซลหน้า และแผงประตูทูโทนดำ-แดง
ทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดี ตัวรถสูงช่วยให้มองเห็นไป ข้างหน้าได้หลายช่วงตัว
มองกระจกมองหลังไม่ค่อยถนัด ด้วยผู้โดยสารเต็มคันแต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับ นิสสัน เทอร์ร่า แค่ดันปรับที่กระจกมองหลังภาพจากกล้องด้านท้าย มาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

การขับขี่ในเมือง กับการจราจรที่หนาตา ไม่ได้รู้สึกอึดอัด จากความคล่องตัวที่มีอยู่พอควร
กำลังของเครื่องยนต์ ดีเซล 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า 450 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแม้จะเท่าเดิม แต่แรงต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะจังหวะออกตัว หรือเร่งแซง ความเร็วมาตามเท้าดีจริงๆ หลบหลีกเพื่อนร่วมทางได้อย่างสบายมือ แม้รูปร่างจะล่ำสัน จนแทบจะเต็มเลนก็ตาม
กว่าจะทำความเร็วได้ต้องเลยแม่กลอง ทางโล่งไม่รอช้า ช่วงความเร็ว 120-130-140 ก.ม.ต่อช.ม. ไปได้ชิลชิล ตัวรถไม่มีอาการสะท้านให้รู้สึก รวมถึงเสียงลม ที่ลอดเข้ามาค่อนข้างน้อย

ด้วยการปรับช่วงล่างให้หนึบแน่นขึ้น ด้านหน้าอิสระ ปีกนก คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ 5 ลิงก์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
กดคันเร่งเพิ่ม เข็มไมล์ไต่ขึ้นต่อเนื่อง ไม่ต้องรอให้เหนื่อยใจ วันนั้นไปสุดอยู่ที่ปริ่ม 180 ก.ม.ต่อช.ม. เริ่มรับรู้ถึงความหวิวเล็กๆ กำพวงมาลัยให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
ถึง อ.สวนผึ้ง ทีมงานพาขึ้นห้วยคอกหมู สุดเขตประเทศไทย ระยะทาง จากถนนใหญ่ประมาณ 7 ก.ม. ช่วง 2 ก.ม.แรกทางเรียบแต่แคบ ค่อยๆ ตามกันไป

ส่วน 5 ก.ม.หลัง ทางโหดขึ้นอีกนิด เป็นทางลูกรัง มีหินลอยต่อเนื่อง รวมถึงฝุ่นหนา ร่องลึกกลางถนนตามรอยล้อที่วิ่งในหน้าฝน แถมด้วยโค้งบนทางชัน
ปรับใช้โหมดขับสี่ แบบ 4H อุปสรรคต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่ายในทันที เติมคันเร่งเบาๆ ราวกับขับอยู่บนทางเรียบ
จังหวะบนเนินชัน ต้องการเรียกกำลังมาใช้แบบปัจจุบันทันด่วน เปลี่ยนไปใช้เกียร์ในโหมดแมนน่วล ผลักไปด้านซ้ายเบาๆ แค่นี้ก็ควบคุมรถได้ดั่งใจ
นิสสัน เทอร์ร่า มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คันที่ทดสอบตัวท็อป ราคา 1.499 ล้านบาท ขณะที่ตัวเริ่มต้น ราคา 1.199 ล้านบาท คุ้มค่าหรือไม่ ต้องแวะไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน