จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่มีปัจจัยหลายอย่างทำให้เศรษฐกิจภายในบ้านเราไม่สู้ดีนัก สินค้าอุปโภคบริโภคต่างทยอยปรับราคาขึ้น รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ยังทะยานพุ่งสูงไปเรื่อย ๆ จนผู้ใช้รถใช้ถนนต้องควักเงินปึกโตออกมาใช้เมื่อถึงคราวต้องเติมน้ำมันในแต่ละครั้ง

วันนี้ ทีมข่าวสด เลยจะมาแนะนำ 11 เทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมัน แบบง่าย ๆ ที่นอกจากจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋า เพื่อลดค่าใช้จ่ายแล้วนั้น ยังเป็นการถนอมรถยนต์ไปในตัวอีกด้วย

1. ควบคุมความเร็วให้คงที่

ยิ่งขับเร็วเร็วเท่าไหร่ รถยนต์ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งหลักพื้นฐานที่ผู้ใช้รถคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว โดยปกติรถยนต์ส่วนใหญ่จะประหยัดที่สุดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 50-80 กม./ชม. หากวิ่งเกินโซนความเร็วนี้ไปจะผลาญเชื้อเพลิงมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้หากรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอตลอดเส้นทาง จะช่วยเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้ด้วยเช่นกัน

2. อย่าเบรกบ่อย ใช้การชะลอแทน

การประเมินสถานการณ์รอบข้างตลอดเวลา ยิ่งถ้าสังเกตได้เร็วก็จะวางแผนการขับได้ดีขึ้น เมื่อเจอสิ่งกีดขวางหรือทางเลี้ยว ก็สามารถค่อยชะลอความเร็วได้ และพยายามไม่เบรกกะทันหัน เพราะจะทำให้รถต้องเปลี่ยนเกียร์เร็วกว่าอัตราที่จะประหยัดน้ำมันที่สุด โดยมีการทดสอบแล้วว่า การเร่งความเร็วบ่อยครั้งและการเบรกอย่างหนัก จะเพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ถึง 40%

Man driving car from rear view

3. ออกตัวเบา ๆ เร่งเครื่องเฉพาะที่จำเป็น

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องจำเอาไว้ให้ดีคือ ห้ามออกตัวแบบกระชาก หรือพุ่งด้วยความเร็วแบบรถแข่งเด็ดขาด เพราะนอกจากจะสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุแล้ว ยังทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ สึกหรอไวขึ้นอีกด้วย และการเร่งเครื่องเพื่อแซงคันอื่นได้ฉับไวขึ้นนั้น หากทำบ่อย ๆ ก็เปลืองน้ำมัน การขับรถแบบกระชาก เบิ้ลเครื่อง นี่สิ้นเปลืองน้ำมันทันตาเห็น ทั้งเครื่องยนต์จะพังแถมยังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าเดิมถึง 30%

4. ใส่เกียร์ว่างเมื่อรถติดนาน ๆ

หากเจอปัญหาจราจรหนาแน่น ทำให้รถติดนาน ๆ ไม่สามารถขยับไปไหนได้ แนะนำให้เข้าเกียร์ว่าง (N) แทนที่จะเข้าเกียร์เดินหน้า (D) ทิ้งไว้ เพราะมีการทดสอบมาแล้วว่าช่วยเซฟน้ำมันไปได้พอสมควร แถมไม่ต้องเมื่อยขาเหยียบเบรกตลอดเวลา และอีกกรณีหนึ่งที่ไม่ควรทำก็คือการสตาร์ตรถทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเพราะกลัวร้อน หรือวอร์มเครื่อง ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะเปลืองน้ำมันมาก หากมีความจำเป็นต้องจอดรถนานเกิน 5 นาทีขึ้นไป ก็แนะนำให้ดับเครื่องยนต์เลยดีกว่า

5. เช็กลมยาง

การตรวจเช็กสภาพลมยางเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำอยู่เสมอ โดยการตรวจเช็กสภาพลมยาง จะช่วยทำช่วยประหยัดน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง เพราะถ้าหากลมยางของคุณเกิดการอ่อนตัว ก็จะทำให้เกิดการเสียดทานระหว่างตัวยางกับพื้นถนน ซึ่งจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์รับภาระในการหมุนล้อเพิ่มขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นนั่นเอง

Car mechanic changing wheels in car

6. ขนสัมภาระให้น้อยลง

เมื่อรถบรรทุกน้ำหนักมากขึ้น เครื่องยนต์ก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิม เพื่อทำให้รถวิ่งได้ด้วยความเร็วปกติ การขนของพะรุงพะรัง จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลหากเราบรรทุกหนักขึ้น 45.3 กก. จะลดอัตราการประหยัดพลังงาน 1% ดังนั้นทางที่ดีควรขนสัมภาระเท่าที่จำเป็น พร้อมเตือนตัวเองอยู่เสมอว่ารถยนต์เป็นพาหนะพาเราไปที่ต่าง ๆ ไม่ใช่ตู้เก็บของ

7. หลีกเลี่ยงการเทินของบนหลังคา

ผู้ใช้รถที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว มักนิยมการติดตั้งแร็กหลังคารถ (ที่บรรทุกของบนหลังคา) แต่สิ่งนี้อาจทำให้เปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอย่างมาก เพราะหลักอากาศพลศาสตร์ขอรถจะเสียไป มีแรงต้านมากขึ้น กินน้ำมันเยอะพอสมควร แนะนำว่าเมื่อไม่มีความจำเป็นก็ควรถอดออกจะดีกว่า

8. ไม่เปิดแอร์เย็นเกินไป

รู้หรือไม่ว่าการทำงานของเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ มันดึงพลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันของคุณไปใช้มากถึง 10-20% ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้ปิดแอร์แล้วเปิดกระจกขับรถ แค่แนะนำให้ตั้งในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์และภาระของเครื่องยนต์

Young man in glasses polishing inside his car with a rug. man wearing white t-shirt
9. หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด

วิธีนี้อาจยากหน่อย สำหรับคนที่ต้องขับรถไปเส้นทางรถติดทุกๆ วัน แต่ถ้าลองเตรียมตัว เช็กเส้นทางที่รถติดน้อยที่สุด หรืออาจจะใช้เส้นทางลัด ก็ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก เพราะว่าการเหยียบเบรกบ่อยๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน

10. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

รถยนต์ยุคใหม่หลายรุ่นมีเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ ช่วยประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ปุ่ม Idling stop หยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว เหมาะสำหรับใช้หยุดการทำงานของเครื่องยนต์เวลาที่รถติดไฟแดง หรือเวลาที่ต้องจอดรถทิ้งเอาไว้ ซึ่งพอเครื่องยนต์หยุดทำงาน ก็จะช่วยหยุดการจ่ายน้ำมันนั่นเอง และหากรถรุ่นไหนที่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน เพราะจะช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่ ช่วยประหยัดน้ำมันได้

11. หมั่นตรวจเช็กสภาพรถ

เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่คุณต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพ ซึ่งการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยทำให้รถยนต์ของคุณพร้อมในการขับขี่ ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ด้วย เนื่องจากการที่รถยนต์กินน้ำมัน อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่อุปกรณ์ต่างๆ เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากถึงเวลาที่ควรจะต้องนำรถไปเช็กสภาพ ก็ไม่ควรที่จะละเลย

Close up man in the car with map on mobile

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน