ทยอยเปิดตัวกันมาเป็นซีรีส์ กับรถยนต์ตัวแรงของค่ายพี่ใหญ่ โตโยต้า ในตระกูล จีอาร์ สปอร์ต (GR Sport) ที่ออกมารุ่นไหนรุ่นนั้น เป็นได้รับการกล่าวขวัญจากนักเลงรถขาซิ่งเมืองไทยว่าแรงจริง แน่นหนึบสะใจ

ซึ่งไม่น่าแปลก เพราะโตโยต้าตระกูลจีอาร์ สปอร์ต พัฒนาขึ้น จาก DNA รถแข่ง จากทีมแข่งกาซู เรซซิ่ง (Gazoo Racing) ที่ไปกวาดรางวัลจากสนามแข่งมาแล้วทั่วโลก

และเพื่อเป็นการพิสูจน์สมรรถนะให้ประจักษ์แก่สายตา ทีมงาน โตโยต้า ประเทศไทย นำโดย สุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่

จัดให้ผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ร่วมทดสอบโตโยต้า ตระกูล จีอาร์ สปอร์ต ครบทุกรุ่น ในสนามแข่งมาตรฐานระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ทดสอบกันเต็มรอบของสนามช้างฯ มีความยาวทั้งสิ้น 4.554 ก.ม. 12 โค้ง พร้อมทั้งมีสถานีระหว่างทาง ให้ได้ทดสอบการควบคุมบังคับรถ ทั้งสลาลมเบรกกะทันหัน รวมถึงเปลี่ยนเลนบนความเร็วสูง
แต่ที่พิเศษในวันนั้น คือมีฝนตกมาตลอดตั้งแต่เช้าและฉ่ำตลอด ทั้งวัน หลายคนหวาดหวั่นว่าน่าจะลื่น แต่จากประสบการณ์ที่ได้เคยทดสอบตระกูลจีอาร์ สปอร์ต มาบางรุ่น

ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ จีอาร์ สปอร์ต, โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ จีอาร์ สปอร์ต และ โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส จีอาร์ สปอร์ต บนถนนจริงแล้ว งานนี้น่าจะสนุกขึ้นมากกว่า
พร้อมทั้งยังได้พิสูจน์ให้จะจะกันไปว่าช่วงล่างสายพันธุ์สนามแข่งที่ปรับแต่งคอยล์สปริงและโช้กอัพให้เป็นแบบสปอร์ตจะเอาอยู่ไหมกับพื้นสนามที่เปียกฉ่ำตลอดทาง

ตัดสินใจเลือกทดสอบ 2 รุ่น โตโยต้า ซี-เอชอาร์ เอชอีวี จีอาร์ สปอร์ต (C-HR HEV GR Sport) กับ โตโยต้า โคโรลล่า ครอส เอชอีวี จีอาร์ สปอร์ต (Corolla CROSS HEV GR Sport)
เพราะยังไม่ได้มีโอกาสได้ทดสอบ ส่วนรุ่นอื่นผ่านมือบนถนนจริงมาหมดแล้ว ก่อนทดสอบแนะนำเส้นทางการทดสอบเล็กน้อยว่ามีสถานีอะไรกันบ้าง ก่อนปล่อยให้เจอของจริง

คันแรก C-HR HEV GR Sport คันเท่ ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ต ตั้งแต่กันชนหน้า สเกิร์ตรอบคัน ไฟตัดหมอก LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ สัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้าและด้านท้าย

ภายในตกแต่งโทนสีดำดุดัน เบาะนั่งดีไซน์พิเศษสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรู ปุ่มกดสตาร์ตสัญลักษณ์ GR

ออกตัวแม้จะไม่จี๊ดจ๊าดมากนัก ด้วยเพราะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด ผสานกันทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร
และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกันแล้วให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
แต่ก็ไม่ได้อืดเป็นเรือเกลือ ค่อยๆ ไต่ความเร็วขึ้นไปจนถึงสถานีสลาลม หักหลบกรวยยางซ้าย-ขวาได้ง่ายๆ ด้วยพวงมาลัยที่คมกริบ

การเข้าโค้ง ไม่ว่าจะโค้งลึก โค้งหักศอก โค้งรับ โค้งไม่รับ ทำได้กระชับฉับไว เข้าออกได้อย่างคล่องแคล่ว แม้บางโค้งที่เข้าแรงไปหน่อย ท้ายบานเล็กๆ พอให้ได้แก้อาการสนุกๆ ขนาดพื้นสนามลื่นแบบนี้ยังอาการออกแค่นี้ ขับบนพื้นแห้งจะมั่นใจขนาดไหน

ต่อกันที่ Corolla CROSS HEV GR Sport ดีไซน์ภายนอก กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง ตกแต่งเฉพาะรุ่น GR Sport กระจังหน้าสีเงาดำ ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding เฉพาะรุ่น GR Sport

ภายในเน้นสีดำ คอนโซลหน้าและคอนโซลกลางสีดำเปียโน แบล็ก เบาะนั่งหนังและวัสดุสังเคราะห์ดีไซน์พิเศษพร้อมสัญลักษณ์ GR พวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยสีเงิน และวัสดุตกแต่งแบบ เปียโน แบล็ก

เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันกับ C-HR ผสานกันทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร
และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกันแล้วให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

แต่ช่วงออกตัวและชู้ตทำความเร็ว เหมือนจะจี๊ดจ๊าดกว่าพอสมควร ด้วยน้ำหนักตัวของเจ้า Corolla CROSS HEV GR Sport เบากว่าประมาณ 30 ก.ก. แม้จะมีมิติที่ใหญ่กว่าในทุกด้านก็ตาม

การควบคุมรถผ่านกรวยยางกับสถานีสลาลม รวมถึงการเข้าโค้งผ่านได้ฉลุยไม่ได้มีอาการใดๆ ให้ได้รู้สึก แต่อาจจะไม่กระฉับกระเฉงเท่า C-HR ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่านั่นเอง

พิสูจน์รถยนต์แห่งจิตวิญญาณจากสนามแข่งสู่ท้องถนนของตระกูล GR Sport แวะไปทดลองขับได้ที่โชว์รูม โตโยต้าทั่วประเทศ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน