ผู้ว่าสมุทรสาคร สั่งปรับแผน ตรวจโควิด 19 เชิงรุก จาก Swab เป็น Rapid Test รวดเร็วและครอบคลุมคนหมู่มาก ชี้เดินมาถูกทางแล้ว เร่งเจรจาตั้งรพ.สนาม หลังมีปัญหากับคนพื้นที่

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ธันวาคม 2563 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่ว่าตามข้อมูลเมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 24 ธันวาคม 2563

ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการ Swab ไปแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 12,962 คน นำเข้าสู่การตรวจหาเชื้อในห้องแล็บแล้วจำนวน 6,787 คน คิดเป็น 52.36 % ทราบผลตรวจที่เป็นผู้ติดเชื้อแล้วรวมจำนวน 1,273 คน คิดเป็น 18.75% เป็นคนไทยรวม 56 คน (4.39%) และแรงงานพม่ารวม 1,217 คน (95.60%)

ยังคงรอผลตรวจอีกรวม 6,175 คน คิดเป็น 47.63 % ซึ่งถ้าเทียบกับยอดผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้รวมจำนวน 1,260 คน วันนี้ตามเวลาดังกล่าวมียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,300 คน

ภาพรวมสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อดีขึ้นจากเดิม 22.37 % ลดลงเหลือ 18.75 % เท่านั้น แต่ตัวเลขนี้ก็ยังยืนยันไม่ได้ชัดเจนมากนัก แต่ก็เป็นตัวบ่งบอกได้ว่า เราเดินมาถูกทางแล้ว เห็นแสงจากปลายอุโมงค์แล้ว โดยเป็นผลมากจากการทำงานที่เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย

นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นทางจังหวัดสมุทรสาคร จึงมีการปรับแผนเพื่อให้การตรวจหาเชื้อโควิด 19 เบื้องต้นนี้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ทราบผลตรวจเร็วและคลอบคลุมกลุ่มคนได้มากขึ้นทั้งคนไทยกลุ่มเสี่ยงและคนต่างด้าว

โดยจะเปลี่ยนจากวิธีการตรวจหาเชื้อในสารคัดหลั่งจากโพรงจมูก Swab มาเป็นการตรวจด้วยวิธี Rapid Test หรือการตรวจหาเชื้อจากการเจาะเลือดแทน ซึ่งจะทำให้ทราบผลภายใน 30 นาที หากใครไม่พบเชื้อก็ไม่ต้องตรวจซ้ำอีก

รถที่ตรวจนั้นก็จะยังคงเป็นรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน จำนวน 6 คัน และรถเก็บตัวอย่างที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครอีก พร้อมกันนี้ยังจะได้ปรับแผนการตรวจเพิ่มขึ้นคือ การลงพื้นที่แต่ละครั้งแต่ละจุดนั้น จะจัดให้มีการแยกรถตรวจสำหรับคนไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ออกจากคนต่างด้าวเพื่อให้ได้ตรวจพร้อมกันอีกด้วย ซึ่งก็จะทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันกับการควบคุมโรคระบาด

นอกจากนี้ในส่วนของโรงพยาบาลสนามนั้น ขณะนี้ทางจังหวัดสมุทรสาคร และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโรงพยาบาลสนามแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้แล้ว 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลสนาม ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร โดยให้บริการได้วันละประมาณ 60 – 70 คน มีเตียงรองรับผู้ป่วยได้ 30 เตียง แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยหนักก็จะส่งต่อมาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร

หลังจากที่เริ่มให้บริการแล้วนั้น ก็พบว่ามีผู้ป่วยมาเข้ารับบริการกันอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีอาการรุนแรงใดๆ และเพื่อเป็นการควบคุมการเกิดโรคโควิด 19 ซ้ำในพื้นที่จากกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในตลาดกลางกุ้ง ก็ต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส

เห็นว่าน่าจะมีแนวทางในการดำเนินการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับแรงงานต่างด้าวที่มีการรวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นในตลาดกลางกุ้งประมาณ 1,250 ครอบครัว หรือจำนวนประชากรประมาณ 2,800 คน ให้คนเหล่านี้มีภูมิคุ้มกันโควิด 19 อย่างครอบคลุมจะได้ไม่เป็นโรคนี้และไม่เป็นผู้แพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้อีก

ส่วนทางด้านของโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่จำนวน 100 เตียง ตามแผนที่ทางจังหวัดได้จัดเตรียมไว้นั้น ปรากฎว่าพบปัญหาบางประการเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจากกับบุคคลในพื้นที่ หากการเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี ก็จะสามารถดำเนินการนำเตียงสนามที่ได้มาจากทางทหารจำนวนรวมทั้งหมด 480 เตียง (ส่งมาวันที่ 24 ธันวาคม 230 เตียง และจัดส่งวันที่ 25 ธันวาคมอีก 250 เตียง) เข้าเตรียมความพร้อมได้ทันที

นายวีระศักดิ์ย้ำว่า โรงพยาบาลสนามนี้มีความสำคัญ คือ ถ้าโรงพยาบาลสนามภายในตลาดกุ้ง ที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ปิด ก็จะให้บริการเฉพาะผู้ที่อยู่ในตลาดกลางกุ้งเท่านั้น แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลสนามภายนอก ก็เป็นการจัดเตรียมเพื่อให้บริการแก่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ตรวจพบภายนอกตลาดกลางกุ้ง

ส่วนโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่แล้วคือ โรงพยาบาลนครท่าฉลอมนั้น จะใช้เพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อคนไทยเท่านั้น และเมื่อใครที่อาการติดเชื้อหายไปหมดแล้ว ก็จะมีการส่งตัวกลับไปกักอยู่ที่บ้านเพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน และรอผลยืนยันว่าหายสนิทไม่พบเชื้ออีกต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน