ด่วน บิ๊กตู่ ยกเลิกฉีดวัคซีนโควิด แอสตราเซเนกา หลังยุโรป 6 ประเทศสั่งงด ด้าน ผอ.สถาบันบำราศฯ แถลงเลื่อนทั้งหมด กระทรวงสาธารณสุข เตรียมแถลงแจง
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
จากกรณีมีการแชร์ข่าวกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเดนมาร์ก ประกาศระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราว หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีนบางราย เพื่อรอการตรวจสอบรายงานดังกล่าว

ด่วน บิ๊กตู่ ยกเลิกฉีดวัคซีนโควิด แอสตราเซเนกา หลังยุโรบ 6 ประเทศสั่งงด ด้าน ผอ.สถาบันบำราศฯ แถลงขอเลื่อนทั้งหมด
ขณะเดียวกันยังมีอีก 6 ชาติยุโรป ที่ระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเช่นกันนั้น โดยวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนตัวเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะฉีดเข็มแรกตามกำหนดกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ในวันที่ 12 มี.ค. ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
- โฆษกรัฐบาล ยัน ‘บิ๊กตู่’ ฉีดวัคซีน “แอสตราเซเนกา” วันพรุ่งนี้ตามกำหนดเดิม
- ประยุทธ์เปิดก่อนเลย! ป้อม ธรรมนัส วิษณุ อ้างติดภารกิจ ยังไม่ฉีดวัคซีน
- “บิ๊กป้อม” ไม่ตอบฉีดวัคซีนโควิดเมื่อไหร่ รับแก่แล้ว ถ้าช็อกตายจะทำยังไง
ล่าสุดวันที่ 12 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าเมื่อเวลา 08.20 น. มีการยืนยันจากแพทย์หลังการประชุมเพื่อสรุปสถานการณ์หลังมีรายงานว่าประเทศยุโรป 6 ประเทศ ระงับฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา งดการรับวัคซีนดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ได้แถลงเลื่อนการฉีดวัคซีนในวันเดียวกันนี้ และกระทรวงสาธารณสุขจะแถลงข่าวยืนยันอีกครั้งในเวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันเดียวกัน ก่อนประกาศเลื่อนการรับวัคซีนของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ได้ทยอยเดินทางมาเตรียมความพร้อม และคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ประชุมกันตั้งแต่เวลา 06.30 น.อย่างเคร่งเครียด โดยในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ ยังคงรออยู่ที่บ้านพัก โดยมีกำหนดเวลา 08.30 น.จะเดินทางมายังสถาบันบำราศนราดูร
แต่เมื่อคณะแพทย์ได้ผลสรุปว่ายังไม่สมควรที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนจากแอสตราเซเนกา จึงได้แจ้งไปยังนายกรัฐมนตรี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์รับทราบ และเปลี่ยนกำหนดเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2564 และการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2564