สธ.จับตาการระบาดโควิด กทม. หากไม่ดีขึ้นต้องเพิ่มมาตรการ เชื้อสายพันธุ์อังกฤษทำปอดอักเสบมากขึ้น เร็วขึ้น กลุ่มเสี่ยงยังเป็นผู้สูงอายุ ส่วนคนอายุน้อยมักมีโรคอ้วนร่วม

วันที่ 23 เม.ย.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า หลายวันนี้ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ค่อนข้างสูง แต่ภาพรวมยังถือว่าไม่ได้พุ่งสูงมากอย่างที่กังวลกันในตอนแรก ยังอยู่ในระดับที่พอจะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ 2-3 วันข้างหน้า เป็นจุดสำคัญในการดูว่าตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นหรือไม่ หรือลดลงอย่างไร คาดว่าสัปดาห์หน้าเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะต้องตัดสินใจว่าต้องเพิ่มมาตรการอะไรต่อไปหรือไม่ หรือคงมาตรการเช่นนี้ต่อไป

ต้องดูอีก 2-3 วันว่าจะลดลงหรือไม่ การระบาดขณะนี้อยู่ที่กทม. ปริมณฑล นนทบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี ตอนนี้ต้องตามดูนครราชสีมา อย่างไรก็ตามจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นวันนี้ยังอยู่ในตัวเลขที่รับได้ ไม่ได้สูงเกินจากระดับ หลายจังหวัดยังมีการฝ่าฝืน เล่นการพนัน จัดงานเลี้ยง และจัดงานที่ไม่เหมาะสม จะต้องมีการเข้มงวด ทางจังหวัดสามารถออกคำสั่งเพิ่มเติมจากที่ ศบค.กำหนดได้ สำหรับ กทม.ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง ต้องจับตา 2-3 วัน สถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจจะต้องออกมาตรการเข้มข้นขึ้นเฉพาะในพื้นที่กทม.” นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ขณะนี้เราพบการติดเชื้อในที่ทำงานมากขึ้นทั้งภาครัฐและเอกชน กิจกรรมเสี่ยงคือกินอาหารร่วมกัน พบปะสังสรรค์ รวมถึงการติดเชื้อภายในครอบครัว ผู้สูงอายุ ตอนนี้การติดเชื้อในขนส่งสาธารณะยังไม่ใช่ปัจจัยมากนัก แต่ต้องจับตาดูใกล้ชิด ทั้งนี้ มาตรการสาธารณสุขยังค้นหาผู้ป่วยต่อเนื่อง แต่มาตรการทางสังคมต้องขอความร่วมมือให้เข้มข้นมากขึ้น ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ การป้องกันโรคในสถานสถานประกอบการ ขนส่งสาธารณะ งดรวมกลุ่มโดยไม่จำเป็น ทำงานที่บ้านให้มากขึ้น ลดการเคลื่อนย้ายคนไม่จำเป็น

การระบาดของเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ เมื่อเทียบกับการระบาดเมื่อเดือนมี.ค.63 และ ธ.ค.63 พบว่ารอบนี้มีความแตกต่างกัน ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบมากขึ้น เร็วขึ้น ระบบการหายใจล้มเหลวต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มมากขึ้น แต่ยังบอกเป็นตัวเลขไม่ได้ กลุ่มเสี่ยงยังเหมือนเดิมคือผู้สูงอายุ ถ้าเป็นคนอายุน้อยความเสี่ยงจะเป็นภาวะอ้วน เพราะทำให้ปอดขยายตัวไม่ค่อยดี นอกจากนี้ ยังเป็นคนมีโรคหัวใจ เบาหวาน หัวใจ ปอด และโรคไต ซึ่งระยะหลังพบมากขึ้น อาจต้องปรับเปลี่ยนแผนการรักษาเพิ่มเติม ”

เมื่อถามว่า ขณะนี้ประชาชนมีความกังวล บางคนอาการทรุด จึงออกมาวิงวอนขอรับการรักษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลต่างๆ จะบริหารจัดการอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 อย่าง คือ บุคคลมีสิทธิที่จะเรียกรับการรักษาได้ แต่การจัดการอาจจะลำบาก ในสถานการณ์ระบาด จะให้ความสำคัญกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ทอดทิ้งความต้องการส่วนบุคคล

เมื่อถามถึงกรณีการจัดรดน้ำดำหัวที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ร่วมด้วย จากนั้นพบว่ามีคนติดเชื้อโควิด กรณีนี้จะมีมาตรการอะไรหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นก็ต้องดูเป็นการจัดก่อน ศบค.จะมีคำสั่งหรือไม่ ซึ่งดูแล้วก็เป็นการจัดขึ้นก่อนจะมีคำสั่ง ส่วนกรณีมีหญิงสูงวัยติดโควิดเสียชีวิตคาบ้าน เนื่องจากไม่มีเตียงนั้น เรื่องนี้อาจต้องสอบถามไปที่กทม. เจ้าของพื้นที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน