ลุ้น! ศบค.จ่อขยายล็อกดาวน์ อีก 14 วัน ห่วงเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่ เร่งกระจายเชื้อ หวั่น มาตรการเข้ม ประชาชนจะไม่ร่วมมือ คุมเข้มชายแดนติดเมียนมา

วันที่ 31 ก.ค.2564 แหล่งข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เผยว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 1 ส.ค.นี้ ที่ประชุมจะปรับเพิ่มมาตรการจากกำหนดของเดิมเล็กน้อย เนื่องจากมาตรการเดิมที่ใช้ขณะนี้เหมาะสมอยู่แล้ว โดยจะพิจารณาขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัดออกไปอีกอย่างน้อย 14 วัน โดยต้องฟังคณะแพทย์ที่จะเป็นผู้ประเมิน และเสนอขึ้นมา ทั้งนี้ การขยายล็อกดาวน์ เพราะเป็นห่วงเรื่องเคลื่อนย้ายข้ามเขตพื้นที่ที่เป็นการกระจายเชื้อออกไปยังพื้นที่อื่น

“รู้สึกเห็นใจประชาชน แต่ยอมรับว่าการซีลประชาชนทำไม่ได้ เพราะทุกอาชีพยังคงจำเป็นอยู่ และสิ่งที่ยังไม่มีข้อมูลเชิงสถิติหรือเชิงลึก คือมีประชาชนส่วนหนึ่งเมื่อได้รับวัคซีนไปแล้วขาดความระมัดระวัง การฉีดวัคซีนไม่ให้อาการรุนแรง ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติด แต่เมื่อเพิ่มความเข้มมาตรการ ประชาชนก็จะไม่ให้ความร่วมมือมากกว่านี้ จนกลายเป็นว่ามาตรการนั้นเสื่อมไป”

แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนแผนการกระจายวัคซีนเดือนส.ค. จะเปลี่ยนที่หมายไปพื้นที่จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดหนักอื่นๆ หากการฉีดวัคซีนใน กทม.เป็นไปตามเป้า โดยยึดเกณฑ์กลุ่ม 608 คือกลุ่ม ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ผู้ที่มี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง และสตรีมีครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

ส่วนข้อเสนอให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคเพิ่มจากสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มเด็กอายุ 12-18 ปี เนื่องจากช่วงอายุดังกล่าวไม่สามารถฉีดยี่ห้ออื่นได้ แต่ทีมแพทย์เห็นว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าฉีดไปแล้วจะปลอดภัย จึงยังไม่กล้าฉีด

ดังนั้น การจัดสรรจะให้กลุ่มแพทย์และกลุ่ม 608 ตามลำดับ โดยตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตที่พบส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ไม่กล้าลงทะเบียนฉีดวัคซีน เนื่องจากเกิดความสับสนของข้อมูลจาก 2 ฝ่าย ดังนั้น สื่อมวลชนจึงมีส่วนสำคัญในการช่วยนำเสนอข้อมูลของรัฐบาล และตำหนิได้ในเรื่องที่สมควรตำหนิ ไม่ใช่ตำหนิตลอดเพราะจะทำให้คนสับสน

นอกจากนั้นจะติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคง การกระทำความผิด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยจากสถิติเดือนก.ค. จับกุมได้กว่า 4,300 คน และยังต้องเฝ้าระวังแนวชายแดนติดต่อเมียนมา ระยะทางยาว 2,401 กม.เนื่องจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดยังรุนแรง มีผู้ป่วยโควิดที่ติดเชื้อสะสมมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเตรียมเสริมกำลังพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำมากขึ้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน