ศบค. พบ ‘สถานบันเทิง’ เป็นคลัสเตอร์ติดเชื้ออื้อ ฝ่าฝืน เปิดผิด กม. ใช้เป็นข้อมูลเคาะพรุ่งนี้ จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวติดเชื้อสูงขึ้น ประชุมชุดใหญ่พรุ่งนี้จ่อปรับพื้นที่สี

วันที่ 19 ม.ค.65 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำวัน ว่า ในวันที่ 20 ม.ค.จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของการปรับพื้นที่สี เรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ซึ่งจะพิจารณาทั้งข้อมูลการติดเชื้อในประเทศและต่างประเทศ โดยข้อมูลทั่วโลกหลายแห่งเริ่มชะลอตัวลง แต่หลายแห่งก็ยังเพิ่มสูงขึ้น เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ล่าสุดในรอบวันทั่วโลกติดเชื้อ 3 ล้านกว่าคน แต่การเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ

ยอดติดโควิดรายวัน

สำหรับประเทศไทยวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 7,122 ราย หายป่วย 7,460 ราย กำลังรักษา 81,602 ราย ปอดอักเสบ 511 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 113 ราย เสียชีวิต 12 ราย สะสมตั้งแต่ต้นปี 270 คน อัตรา 0.22% ทิศทางถือว่าใกล้เคียงกับทั่วโลก แม้จะทรงๆ แต่ผู้ติดเชื้อก็ยังเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว

ผู้เสียชีวิตวันนี้มาจาก กทม. ปทุมธานี สมุทรปราการ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ตาก พิษณุโลก สตูล สุราษฎร์ธานี ระยอง และสระแก้ว พบว่า 58% ไม่ได้รับวัคซีนเลย ที่เหลือรับวัคซีนไม่ครบ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวเป็นปัจจัยเสี่ยง แม้จะเป็นสายพันธุ์โอมิครอนก็ทำให้รุนแรงจนเสียชีวิตได้

10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด

ส่วน 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด คือ 1.กทม. 820 ราย 2.สมุทรปราการ 601 ราย 3.ชลบุรี 506 ราย 4.ภูเก็ต 383 ราย 5.นนทบุรี 319 ราย 6.ขอนแก่น 313 ราย 7.ปทุมธานี 250 ราย 8.สมุทรสาคร 185 ราย 9.อุบลราชธานี 166 ราย และ 10.ระยอง 156 ราย

“ส่วนหนึ่งปัจจัยการติดเชื้อมาจากรับประทานอาหารร่วมกัน ขอให้เว้นการสังสรรค์พบปะ ร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนในสถานที่ทำงาน ช่วยกันลดตัวเลข” พญ.อภิสมัยกล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนทิศทางทั้งประเทศตัวเลขรายงานติดเชื้อสูงๆ อยู่ในกลุ่มจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า แต่ภาพรวมตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา ใน 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว คือ กทม. ภูเก็ต กระบี่ พังงา กาญจนบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และชลบุรี ตัวเลขขยับขึ้น

แต่การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ สธ.และ ศบค.ไม่ได้ดูแค่รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ดูระบบสาธารณสุขในพื้นที่รับมือได้เหมาะสม มีประสิทธิภาพหรือไม่ และต้องลงพื้นที่ดูปัจจัยเสี่ยงและแก้ให้ตรงจุด ตัวเลขติดเชื้อไม่ใช่อย่างเดียวในการพิจารณาว่าจะผ่อนคลายหรือไม่

ส่วน 18 จังหวัดที่เปิดนำร่องท่องเที่ยวบางพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง อุดรธานี จันทบุรี ตราด หนองคาย รวมๆ แล้ว ทิศทางที่ สธ.เฝ้ามองยังทรงๆ ไม่ได้สูงขึ้นถึงรับไม่ไหว เป็นข้อมูลที่ต้องพิจารณา

พบ ‘สถานบันเทิง’ ฝ่าฝืน

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จากการลงสอบสวนโรค คลัสเตอร์อันดับหนึ่งหลังปีใหม่ยังเป็นร้านอาหาร สถานบันเทิง ซึ่งพรุ่งนี้จะมีการพิจารณาผ่อนคลายหรือไม่นั้น ข้อมูลวันนี้คลัสเตอร์สถานบันเทิงเปิดเป็นร้านอาหาร มีทั้งนนทบุรี เพชรบุรี อุบลราชธานี

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจโดยละเอียด มีสถานบันเทิง 21 แห่งพบการติดเชื้อ โดยมี 7 ร้านที่เปิดโดยผ่านการประเมิน COVID Free Setting จากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว แต่ย่อหย่อนมาตรการทำให้เกิดการติดเชื้อ และอีก 14 ร้านเปิดโดยไม่ได้ขออนุญาต หรือไม่ผ่านการประเมินเลย เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น เปิดโดยผิดกฎหมาย ไม่ได้อนุญาตให้เปิด เพราะไม่ได้ทำมาตรการให้ประเมิน แม้ได้รับอนุญาตให้เปิดในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวก็ต้องเปิดถึง 3 ทุ่ม ก็พบว่าฝ่าฝืนมาตรการ เกิดการติดเชื้อ เช่น พะเยา ชลบุรี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม

“สธ.รายงานปัจจัยการติดเชื้อสำคัญของร้านอาหารกึ่งผับ คือ สภาพแวดล้อมไม่มีการจัดการระบบระบายอากาศ ไม่จำกัดระยะเวลารับประทาน เช่น ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ไม่เว้นระยนะห่าง ไม่จำกัดคน ทำให้แออัดยัดเยียด ซึ่งตามข้อกำหนดคือเว้นระยะ 1-2 เมตร หรือ 4 ตารางเมตรต่อคน ไม่มีการคัดกรองความเสี่ยงผู้ขาย พนักงาน มีการกระทำผิดตั้งแต่พนักงานฉีดวัคซีนไม่ครบ

บางร้านไม่สามารถแสดงหลังฐานการฉีดวัคซีนได้เลย ไม่ได้ตรวจ ATK ทุก 7 วัน ไม่มีการตรวจคัดกรองความเสี่ยง บางรายเสี่ยงสูงยังมาทำงานที่ร้าน และมีเกือบทุกร้านคือไม่มีผู้รับผิดชอบเรื่องการเฝ้าระวังดูแลการติดเชื้อในร้าน และไม่คัดกรองความเสี่ยงคนมารับบริการ ไม่ตรวจสอบประวัติลูกค้า เช่น เช็กประวัติ มีไข้ ไอ เสมหะหรือไม่ ไปพื้นที่เสี่ยงไหม” พญ.อภิสมัยกล่าว

ชี้อยากเปิดต้องทำตามมาตรการ

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ร้านที่ทำให้ติดเชื้อไม่มีการตรวจสอบ ไม่คัดกรองอุณหภูมิ ไม่สอบถามหลักฐานการรับวัคซีนตรวจ ATK ลูกค้า ไม่ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม การชำระเงินที่อาจเกิดการสัมผัส ห้องน้ำ ลูกบิดประตู ไม่มีการทำความสะอาด ต้องฝากประชาชน ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหาร ตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ ลองพิจารณาถ้าเราเป็นลูกค้าเราอยากได้ความมั่นใจ ผู้ค้าอยากเปิดก็ต้องทำมาตรการที่ลูกค้า พนักงานและตัวเองปลอดภัยด้วย เป็นข้อมูลนำเข้าที่ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาพรุ่งนี้ ถ้าจะเปิดก็ต้องปลอดภัย

ส่วนการเข้าราชอาณาจักร ประชาชนคงมีคำถามการเข้ารูปแบบ Test&Go ที่ระงับตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ซึ่งตั้งแต่ ม.ค. 2565 มีผู้เข้าประเทศ 130,355 คน ติดเชื้อ 4515 คน คิดเป็น 3.46% ซึ่ง สธ. กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ติดตามใกล้ชิด นอกจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ ติดตามมาตรการ ถ้าพบปัญหาแต่เนิ่นๆ หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไข

เช่น ติดตามนักท่องเที่ยวด้วยแอพพลิเคชัน 100% แก้ไขปัญหาเรื่องโรงแรม รพ.คู่ปฏิบัติการที่ดูแลนักท่องเที่ยวเจ็บป่วย พื้นที่ประชาชนที่เข้าไปดูแลมีความพร้อม อาจเป็นปัจจัยร่วมที่ ศบค.พิจารณาให้เกิดการผ่อนคลายพรุ่งนี้ได้เช่นกัน เราจะต้องดูแลสุขภาพประชาชน ควบคู่การดำเนินการ ชีวิตปกติมากที่สุด ภาคเศรษฐกิจขับดคลื่อนได้ ในระบบสาธารณสุขรองรับได้ ให้ติดตามพรุ่งนี้ว่าผลเป็นอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน