บิ๊กตู่ เตรียมเรียกถกศบค. 22 เม.ย. ประเมินหลังสงกรานต์-รับเปิดเทอม-ปรับแผนเข้าออกประเทศ ขอทุกคนเฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองและครอบครัว

เมื่อวันที่ 17 เม.ย.65 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จนถึงปัจจุบันในภาพรวมถือว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชน และภาคเอกชนเป็นอย่างดี ในขณะที่ส่วนราชการต่างๆ ได้ทำหน้าที่อย่างแข็งขันตามนโยบายและข้อสั่งการต่างๆ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบไว้ โดยให้ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ตั้งแต่การเดินทาง การจัดกิจกรรมสงกรานต์ และการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์หลังสงกรานต์

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังมีความห่วงใย และขอเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ขอให้ให้ความสำคัญกับช่วง 7 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง วันที่ 24 เม.ย.นี้ โดยขอให้ทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมและเดินทางในช่วงสงกรานต์ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองและครอบครัว รักษาระยะห่าง หากไม่มั่นใจขอให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง หรือขอเข้ารับการตรวจ ณ จุดบริการที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หากพบว่าติดเชื้อขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกไว้ให้แล้ว อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้มีการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม มาตรการที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดีคือการร่วมมือกันบริหารจัดการให้มีการทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ของทั้งส่วนราชการและภาคเอกชน ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดอย่างได้ผล

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโรคติดต่อทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ให้จัดให้มีบริการการตรวจ ATK ให้ประชาชาเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งให้กำกับแผนการยกระดับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ระดับต่างๆ ตามที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการรับแจ้ง การคัดกรอง การบริหารจัดการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) การบริหารจัดการสถานที่กักตัวในระดับชุมชน (Community Isolation) โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนามระดับต่างๆ ตลอดจนโครงการเจอแจกจบ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ลดลงนั้น เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและสั่งการให้มีการเตรียมการในทุกวิถีทางมาตั้งแต่ต้น และผู้เสียชีวิตร้อยละ 90 ยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้กำชับให้มีการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมาก มีการรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม 608) ได้ระมัดระวังและเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องทำความเข้าใจ และรณรงค์อย่างกว้างขวางต่อไป เพื่อป้องกันให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 น้อยที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกสาขา ช่วยการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจและรณรงค์ให้อย่างกว้างขวางด้วย

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์ในระยะต่อไป คาดว่า ศบค.จะเรียกประชุมคณะกรรมการภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ และพิจารณาแนวทางต่างๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้จะได้มีการพิจารณาสิ่งที่ต้องเตรียมการสำหรับอนาคต ที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้คือ การเตรียมความพร้อมของการเปิดภาคเรียน และการปรับมาตรการการเข้าออกประเทศทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ การประเมินสถานการณ์ในภาพรวม การประเมินความร่วมมือในการปรับตัวของประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการพิจารณาเงื่อนไข และความสอดคล้องที่จะนำไปสู่แผนการปรับโรคโควิด 19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นในระยะยาวควบคู่ไปด้วย

รายงานข่าว จากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การประชุม ศบค. ครั้งที่ 7/2565 จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 22 เม.ย. 65 นี้ เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน