ตำรวจ ภ.5 รวบแก๊งไต้หวัน ส่ง SMS หลอกเอาข้อมูลส่วนตัว และรหัส OTP ก่อนถอนเงินเกลี้ยงบัญชี ผู้เสียหาย 21 ราย เสียหาย 4.2 แสน
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2564 ที่บก.สส.ภ.5 พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วยพล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผบช.ภ.5 และพล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 แถลงผลการจับกุมแก๊งมิจฉาชีพ 4 ราย คือนายยู เชาว เหว่ย อายุ 36 ปี ชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊ง
- ชาวบ้าน แจ้งจับอดีตเจ้าอาวาส ขโมยหัวใจพระเจ้า เป็นทองคำ 1.2 กก. ไปขาย
- รวบหนุ่มสาวไทย-ต่างชาติ 29 คน ปาร์ตี้สูบบารากู่ เล่นสนุกเกอร์ ฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
- ยันเอาคืนเบี้ยคนชรา 8.4 หมื่น รัฐเสนอ ยายวัย 89 ผ่อนให้หมด 1 ปี ไม่มีดอกเบี้ย
นายเป่าฉาง แซ่หลู่ อายุ 23 ปี ชาวจ.แม่ฮ่องสอน ผู้จัดหาบัญชี นายวราวุธ ปามือ อายุ 20 ปี ชาวจ.แม่ฮ่องสอนและนายพรสวรรค์ ไพรสีเขียว อายุ19 ปี ชาวจ.แม่ฮ่องสอน ทำหน้าที่ถอนเงินออกจากบัญชี ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหาย 21 ราย มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 429,180 บาท
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีว่าคนร้ายก่อเหตุโดยการจัดหาเลขบัญชีของเหยื่อที่ใช้บริการแอพพิเคชั่น SCB Easy จากนั้นจะส่ง SMS หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและรหัส OTP ลงในเว็บไซต์ตามลิ้งที่แนบไปอ้างว่าเป็นระบบยืนยันตัวตัวของธนาคาร
ซึ่งเมื่อเหยื่อหลงเชื่อกรอกข้อมูลแล้ว ทางคนร้ายจะนำข้อมูลของคนร้ายเข้าใช้งานแอพพิเคชั่น SCB Easy แล้วโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีที่คนร้ายเตรียมไว้และถอนออกจากบัญชี ซึ่งต่อมามีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 5 ได้ทำการสืบสวนสวนจนทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้มีการเคลื่อนไหวกระทำผิดและเบิกถอนเงินในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน จึงติดตามจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนายเป่าฉาง ให้การว่า ได้รับว่าจ้างจากนายยู เชาว เหว่ย ให้จัดหาบัญชีมารับโอนเงินและหาคนถอนเงิน จะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงิน 10% ของเงินที่ถอนออกมาได้ จึงได้ว่าจ้างนายวราวุธ และนายพรสวรรค์ เปิดบัญชีและถอนเงิน
ส่วนเงินที่เหลือนายยู เชาว เหว่ย จะโอนส่งต่อไปให้กับหัวหน้าที่อยู่ที่ประเทศไต้หวันอีกทอดหนึ่ง โดยเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ช่วง พ.ย. 2563 ซึ่งในส่วนของตำรวจภูธรภาค 5 มีผู้เสียหาย 2 คดี ที่สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ และสภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายยู เชาว เหว่ย มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2560 ด้วย
