แฉหลักฐานเด็ดมัด 'ดร.'หน.แก๊งโกงสวมสิทธิ์ 'คนละครึ่ง-เที่ยวด้วยกัน'

ชาวบ้านเปิดหลักฐานเด็ดมัด “ดร.ภูผา” คดีแจกเงินชาวบ้านเอาชื่อ-เลขที่บัตรประชาชน ไปสวมสิทธิ์โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง ขณะที่เจ้าตัวยังปฎิเสธ นอนเครียดอยู่ในคุกบนโรงพัก

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่

จากกรณีตำรวจจับกุมตัว ดร.ภูผาภูมิ และ นางบุหงา หรือครูฝน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดขอนแก่น หลังชาวบ้านแห่เข้าแจ้งความว่า เอาเงินมาแจก 200 บาท บอกว่าเป็นเงินช่วยจากรัฐบาลในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน คนที่ไม่ได้ไปเที่ยวจะได้คนละ 200 บาท แล้วถ่ายรูปบัตรประชาชนชาวบ้านไป จากนั้นปรากฎว่าถูกสวมสิทธิ์ทั้ง โครงการคนละครึ่ง และ เราเที่ยวด้วยกัน

• อ่าน ชื่อโผล่ใช้สิทธิ์”คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน”แจ้งจับครูลวงแจก200แลกชื่อ
• อ่าน จ่อหมายจับครูสวมสิทธิ์ ‘คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน’ ตุ๋นแจก 200 เอาผิด 3 ข้อหา
• อ่าน รวบแล้ว ‘ดร.’หัวหน้าแก๊งหลอกชาวบ้าน สวมสิทธิ์คนละครึ่ง คุมตัวสอบเครียด

ความคืบหน้าคดีนี้ วันที่ 7 ก.พ.2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คนเป็นข้าราชการไม่น่ามาหากินกับชาวบ้าน โครงการที่ชาวบ้านถูกสวมสิทธิ์ก็เป็นโครงการของรัฐบาลอีกด้วย ขณะนี้จังหวัดสั่งการให้นายอำเภอประสาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีคนใดถูกสวมสิทธิ์บ้าง ส่วนความเสียหายนั้นยังไม่ได้ประเมินเนื่องจากจะมีการประชุมร่วมกับตำรวจก่อนว่ามีผู้เสียหายกี่ราย ถูกสวมสิทธิ์โครงการอะไร เท่าใด เมื่อมีการสรุปในภาพรวมทั้งหมด จ.ขอนแก่นก็จะทำรายงานส่งไปยังกระทรวงการคลังให้เป็นผู้พิจารณา เพราะโครงการที่ถูกสวมสิทธิ์ เป็นโครงการของรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐหรือตัวแทนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลังคือผู้เสียหายจะมีใครแจ้งความเมื่อใดนั้น ต้องรอคำตอบจากกระทรวงการคลังเท่านั้น

ด้าน พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสงค์ ผกก.สภ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า สำหรับความเสียหายของโครงการคนละครึ่ง และ เราเที่ยวด้วยกันนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมของคณะทำงาน เพราะหลังจากตรวจค้นแล้วพบความเชื่อมโยงใดๆ พนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียกมาสอบสวน อีกทั้งในกรณีนี้ชาวบ้านคือคนที่ถูกสวมสิทธิ์ ส่วนผู้เสียหายคือ เจ้าของโครงการและเจ้าของเงินทั้ง 2 โครงการ ตำรวจจะร่วมประชุมกับจังหวัดขอนแก่น เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานและมูลค่าความเสียหายทั้งหมดในวันจันทร์นี้ ส่วนครูภูผาภูมิ ยังถูกคุมขังในห้องขัง เพราะยังไม่มีการส่งตัวฝากขังที่ศาล เนื่องจากเป็นวันหยุดและยังมีผู้เสียหายในกรณีเดียวกัน กระจายในอำเภออื่นๆอีกหลายราย และทยอยแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเชนกัน

ส่วนนางสุภาพร อายุ 42 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์กล่าวว่า หลังทราบว่าครูฝนถูกแจ้งข้อกล่าวหาและครูภูผาภูมิ ถูกจับกุม ว่ารู้สึกโล่งใจที่คนทำผิดถูกจับกุม เพราะว่าคนเป็นครู ทำอะไรก็น่าจะรู้ผิดรู้ถูก อีกทั้งในช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ครูภูผาภูมิ ยังได้เข้ามาพบชาวบ้านแล้วขอร้องให้ชาวบ้านเข้าใจ ไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง ไม่แจ้งความ ไม่อยากมีปัญหา และจะจ่ายเงินชดเชยคนละ 1,000 บาทให้ ขณะพูดกับชาวบ้านครูภูผาภูมิไม่รู้ตัวว่ามีชาวบ้านอัดคลิปไว้ฉะนั้นคนทำไม่ดี จะได้รับผลเช่นไรก็น่าจะรู้คำตอบ จึงอยากให้ชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์เข้าแจ้งความทุกคนให้ตำรวจทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย